แหม่ววั่ก Meo Vac เมืองเล็กๆในหุบเขา

REMINDING ME: Meo Vac ,Ha Giang Vietnam

ตอนที่ 3 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน

เมือง แหม่ววั่ก Meo Vac ที่แต่ก่อนเราหรือใครหลายคนเพียงแค่ขับเลยผ่าน ถึงแม้เมื่อสองปีที่แล้วเราจะรู้สึกหลงรักช่องเขาสูงในบริเวณนี้ที่ต้องแหงนคอตั้งมอง แต่ก็คงจะมีกิจกรรมบันเทิงใจเพียงแค่จอดรถถ่ายรูปเพียงเท่านั้น ด้วยระยะทางเพียงแค่ 22 กิโลเมตรจากตัวเมือง ดงวัน Dong Van จึงทำให้ที่นี่ไม่ได้เป็นจุดหมายที่ห่างไกลจนต้องมาค้างคืน แต่เมื่อเราหาข้อมูลกลับพบที่พักที่เพิ่งเปิดใหม่ ตั้งอยู่กลางหุบเขาห่างจากตัวเมือง แหม่ววั่ก มาประมาณ 5 กิโลเมตร นั่นคือโครงการหมู่บ้านม้งเพื่อการท่องเที่ยว (Hmong ethnic cultural tourist community village) รูปถ่ายมันดึงดูดจนทำให้เราต้องปักหมุดเพิ่มเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ต้องเดินทางมา

การเดินทางจากน้ำตกบั่นซก – แหม่ววั่ก

หลังจากที่ตัดสินใจจะเดินทางจากน้ำตกบั่นซก Ban Gioc มาที่เมือง ดงวัน Dong Van ในจังหวัดฮาซาง โดยที่ไม่ผ่านเมืองใหญ่ เราต้องเดินทางไปตามอำเภอเล็กๆเพื่อไม่ให้ซ้ำกับทางเดิมที่เคยมาเมื่อสองปีก่อน

เราออกเดินเท้าอำลาสองสาวเจ้าของโฮมสเตย์จากหมู่บ้านข่วยกี Khuổi Ky มาที่ริมถนนใหญ่ ทั้งที่ใจยังอยากอยู่ต่อ แต่ตามแผนที่ต้องไปให้ถึงเมืองดงวันให้ทันในวันอาทิตย์ตอนที่มีตลาดนัด จึงทำให้จำใจต้องออกเดินทาง

ทุกครึ่งชั่วโมงจะมีรถเพื่อเข้าเมืองกาวบั่ง Cao Bang  เมื่อมาหยุดสุดถึงในเมืองซึ่งไม่ใช่สถานีขนส่ง ทำให้เราต้องเดินหาแท็กซี่อีกต่อเพื่อไปที่นั่นให้ทันเวลาก่อนบ่ายโมง  ในใจแอบลุ้นเพราะเหลือเวลาอีกแค่เพียงยี่สิบนาที เรามาถึงขนส่งแบบฉิวเฉียด

เมื่อรถเริ่มไต่ภูเขาสูง ความคดเคี้ยวของเส้นทาง มันสร้างความวิงเวียนบนรถที่แน่นไปด้วยผู้คนและสิ่งของ จนทำให้ปลายทางที่หมายไว้กลายเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ เราตัดสินใจลงที่เมืองระหว่างทางที่ บ่าวลั่ก Bao Lac ในตอนห้าโมงเย็น หลังจากที่ต้องอยู่บนรถตั้งแต่แปดโมงเช้า ทิ้งเมืองบ่าวลาม Bao Lam ที่ต้องไปต่อรถและเมืองแหม่ววั่ก Meo Vacจุดหมายเอาไว้ตอนหายเมารถก่อน

ในตอนสายสิบเอ็ดโมงเราเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ถึงแม้ระยะทางจะแค่ชั่วโมงกว่าๆที่ต้องลงตรงทางแยกก่อนถึงเมืองบ่าวลาม Bao Lam เพื่อต่อรถ แต่ใจก็ไม่อยากพลาด เพราะมีรถเพียงเที่ยวเดียวผ่านตรงนี้ตอนบ่ายสองที่จะไปยังจุดหมายได้เท่านั้น

รถแล่นบนถนนที่ซ่อมบำรุงอย่างเชื่องช้าด้วยข้าวของที่บรรทุกกันมาอย่างหนาแน่น เมื่อกลิ่นหน่อไม้ดองผสมกับกลิ่นเหงื่อในรถที่ร้อนอบ มันทำให้เรากลับมาเมารถอีกครั้ง ในมือกำถุงพลาสติกกับยาดมไว้แน่นตลอดทาง พอถึงตัวเมืองแหม่ววั่ก Meo Vac ของเกินครึ่งถูกยกออกไป แต่โล่งใจอยู่ได้ไม่นาน ของใหม่ถูกโหลดขึ้นมาใหม่อีกมากมายเพื่อไปส่งที่เมืองดงวัน สี่โมงครึ่งรถจึงมาถึงที่หมายของเราด้วยความสะบักสะบอม

ในหน้าร้อนบนรถที่แล่นบนทางคดเคี้ยว มันทรมานจริงๆสำหรับคนที่เมารถง่าย
รถโดยสารในเวียดนาม ตรงส่วนด้านหน้าหลังคนขับที่ทุกคนต้องถอดรองเท้าก่อนเหยียบขึ้นไป จะสงวนไว้ให้ผู้หญิงและเด็กน้อย
รถจอดพักครึ่งทาง คนส่วนใหญ่มาทิ้งถุงอ้วกกับล้างหน้าล้างตาเข้าห้องน้ำ รถเที่ยวนี้คนเยอะจริงๆ เบียดกันจนต้องมีคนยืน
รถมาจอดลงที่หน้าตลาด ผู้คนคึกคักในยามเย็นที่เมืองบ่าวลาม
คุณยายสงสัยว่ามาทำอะไรที่นี่ สภาพตอนนั้นยังคงเมารถและกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ยังคงสะพายอยู่
หมูย่างหนังกรอบดูน่าอร่อยมาก
บั๋นหมี่ที่มีคนต่อคิวยาวมาก อร่อยและถูกสุดๆ
ธัญพืชต่างๆที่จะโปะหน้าต่างๆลงไปอีกที คล้ายๆข้าวเหนียวหน้าต่างๆบ้านเรา
เต้าหู้สดหน้าตลาดน่ากินและหอมมาก
บรรยากาศถ้ามองผิวเผินทำให้นึกถึงพม่าได้
โรงแรมที่พักเราอยู่ริมน้ำ
คนที่นี่ชอบออกกำลังกาย ป้าๆน้าๆกำลังเล่นวอลเลย์กันอยู่
คนส่วนใหญ่จะเป็นคนไตกับชาวม้ง
เราพบว่าเมืองกลางหุบเขานี้ก็มีความน่ารักอะไรบางอย่าง อาหารการกินก็มีให้เลือกมากมายทั้งอร่อยและราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ
ตอนเช้าคนไม่เยอะเท่ากับตอนเย็น
ตอนเช้าเราพอมีเวลาจึงเดินเล่นเลียบแม่น้ำ

แหล่งท่องเที่ยวเมือง แหม่ววั่ก

โครงการหมู่บ้านม้งเพื่อการท่องเที่ยว (Hmong ethnic cultural tourist community village)

ความอลังการของที่นี่ไม่ได้เกิดจากคนท้องถิ่น แต่เป็นแผนการพัฒนาจากทางภาครัฐที่เห็นพ้องกับชาวพื้นเมืองชาติพันธุ์ภูเขาในเขตภาคเหนือแห่งเวียดนาม ที่ได้วาดโครงการแห่งนี้ให้เป็นพื้นที่ตัวอย่าง จัดการกันในรูปแบบของสหกรณ์โดยครอบครัว 30 หลังคาเรือน โดยมีบ้านดิน 10 หลังที่จะสร้างเป็นโฮมสเตย์ในรูปแบบม้งดั้งเดิม

หลายคนไม่ได้ชื่นชอบที่นี่ไปเสียทั้งหมด เพราะมีความรู้สึกว่ามันประดิษฐ์ประดอยจนเกินงามไปหน่อย และถ้าอยากจะชมบ้านม้งที่ใหญ่โตโอ่อ่าขนาดนี้ บ้านนั้นๆคงต้องเป็นวังที่ร่ำรวยมาจากการค้าขายฝิ่นเป็นแน่แท้ (เหมือนที่พระราชวังกษัตริย์ม้ง Vuong Chinh Duc)

แต่ในอีกด้าน เรากลับเห็นถึงปัญหาของการรองรับนักท่องเที่ยวที่นับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแถบนี้ ที่พักแบบดั้งเดิมในหมู่บ้านม้งจริงๆก็ยังพอมี แต่การปรับปรุงบ้านเก่าให้นักเดินทางมาพักอาศัยอยู่ได้ก็นับเป็นเรื่องที่ลำบาก การมีคนแปลกถิ่นมาเดินกันยั้วเยี้ยเต็มหมู่บ้านโดยเฉพาะในตอนกลางคืนคงเป็นเรื่องไม่น่าพิสมัยกับสมาชิกเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แต่เงินกลับตกเป็นของนายทุนกับเจ้าของที่เพียงไม่กี่เจ้าอย่างไม่เท่าเทียม (เมื่อก่อนนายทุนจะเข้าไปปรับปรุงบ้านของชาวเขาเพื่อเปิดเป็นที่พัก ซึ่งก็มีทางภาคเอกชนหรือตัวบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือแบบไม่แสวงผลกำไรก็มีอยู่เยอะ) คงต้องดูกันต่อไปว่าผลในระยะยาวว่าจะเป็นอย่างไร แต่โดยส่วนตัวแล้ว บ้านที่นี่ก็สร้างได้สวยงาม แถมภูเขาที่โอบล้อมก็ทำให้เรานั่งมองจนมืดค่ำได้ไม่เบื่อกันเลยทีเดียว

พื้นที่ตรงนี้เป็นหุบเขาที่เราว่าสวยและมีความพิเศษเอามากๆ จำได้ว่าเมื่อสองปีที่แล้วเรายังเห็นที่นี่กำลังก่อสร้างอะไรบางอย่างกันยกใหญ่ เราจอดรถมอเตอร์ไซค์แทบจะทุกๆ50เมตรเพื่อถ่ายรูปในบริเวณนี้
ทางเข้าโครงการหมู่บ้านม้งเพื่อการท่องเที่ยว (Hmong ethnic cultural tourist community village) จะอยู่ห่างจากเมืองแหม่ววั่กมา 5 กิโลเมตร ถ้านั่งรถโดยสารมาให้เปิด Google Map แล้วลงเอาระหว่างทาง
เราเลือกพักที่ Meo Vac Clay House – Homestay หนึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้
ที่นี่เพิ่งเปิดบริการได้ไม่นาน จริงๆแล้วโครงการทั้งหมดก็ยังไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ดี ด้านหลังยังมีการก่อสร้างกันอยู่
เด็กๆในหมู่บ้าน ที่เราสอบถามจากบ้านสองสามหลังไม่เห็นมีใครเป็นม้งสักบ้าน จนงงว่าหรือที่นี่จะเป็นแค่การเปิดให้พวกนายทุนหรือคนทั่วไปมาจับจองเปิดธุรกิจกันเฉยๆ
ถึงอย่างไรหมู่บ้านกลางหุบเขาแบบนี้มันก็สวยจริงๆ
ที่นี่จะเป็นร้านอาหาร สามารถสั่งเครื่องดื่มได้หากไม่ได้มาพักแรม
ไก่ต้มขิงอร่อยมากๆ
เด็กม้งจริงๆในหมู่บ้านที่เราเห็นส่วนใหญ่จะเป็นลูกคนงานที่มาก่อสร้าง
ถึงอย่างไรเราก็ว่าที่นี่เป็นต้นแบบที่ดีในการออกแบบอาคารที่พักในปัจจุบัน เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม โดยอิงกับวัฒนธรรมดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี

จุดชมวิว แหม่ววั่ก ม๊าปิเหล่ง Mã Pí Lèng

ปกติแล้วที่ถนนใหญ่จะมีจุดชมวิว ม๊าปิเหล่ง Ma Pi Leng  ซึ่งสามารถจอดรถแล้วชื่นชมความงามของช่องเขาแห่งนี้ได้อย่างสะดวก แต่ตรงจุดที่เราเดินมาจะเป็นฝั่งตรงข้ามของภูเขาที่มองย้อนกลับมายังถนนแห่งความสุขได้อีกมุมมองหนึ่ง

เรากลับมาที่นี่ในอีกสามวันข้างหน้า เนื่องด้วยการจัดสรรเวลาให้ตรงกับตลาดนัดวันอาทิตย์ที่ดงวัน แต่จริงๆแล้วทางที่เราเดินขึ้นไปใช้เวลาไม่นานจากที่พัก สามารถเดินไปกลับได้ในเวลาไม่เกินสองชั่วโมง ซึ่งถ้าใครพักที่เมือง ดงวัน แล้วอยากมาที่นี่แบบครึ่งวันก็สามารถทำได้ เพราะใกล้เพียงแค่ 22 กิโลเมตรเท่านั้น เส้นทางนี้น้องเตี่ยบไกด์ท้องถิ่นแนะนำและขี่รถมาส่งเรา แล้วขากลับค่อยกลับมารับ หรือใครอยากจะบวกเส้นทางนี้กับการเดินลงไปที่แม่น้ำเพื่อล่องเรือก็ยังได้ เราจะทิ้งเบอร์โทรข้อมูลการติดต่อไว้ด้านล่างเผื่อใครสนใจ

น้องเตี่ยบมาส่งที่เราที่ Meo Vac Clay House – Homestay เพื่อทานอาหารเที่ยงก่อน แล้วจากนั้นเราจึงเริ่มออกเดิน ซึ่งจริงๆในช่วงเช้า ม๊าปิเหล่ง จะดูสวยงามกว่าตอนเย็น พอบ่ายแก่ๆเงาของภูเขาจะเริ่มบดบังบางส่วนของวิว ทำให้เกิดเงาดำเวลาถ่ายภาพ ตลอดสองข้างทางที่นอกจากไร่ข้าวโพดที่ชาวบ้านปลูกตามไหล่เขา ในช่วงเดือนสิงหาคมแบบนี้ก็จะมีดอกไม้ที่ดูน่ารักขึ้นอยู่เต็มไปหมด เราเดินไต่ตามทางเล็กๆค่อยๆฉีกห่างถนนแห่งความสุขที่อยู่ฝั่งตรงข้ามออกไป หันกลับมาเห็นหุบเขาทางไป แหม่ววั่ก ในมุมสูง ซึ่งแปลกตากว่ากว่าที่เคยเห็น ส่วนใหญ่ภายในเวลาสองชั่วโมง เราจะใช้เวลาไปกับการหยุดถ่ายรูปกับดูวิวมากกว่าเดิน ถ้าใครกลัวเหนื่อยกับเส้นทางนี้คงไม่ต้องกังวล

ถ้าเดินจาก Meo Vac Clay House – Homestay ย้อนมาทางดงวัน จะเจอป้ายนี้ให้เลี้ยวขวาไปตามถนน พอผ่านร้านค้าทางซ้ายมือไปสองร้อยเมตรจะเจอทางเดินด้านขวามือที่ค่อยๆไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ ให้เริ่มเดินจากตรงนั้น
ทางเล็กๆที่ค่อยๆไต่ขึ้นมา นักท่องเที่ยวอย่าขี่ขึ้นมาเลยอันตรายทางลื่นเวลาฝนตก
เมื่อมองย้อนไปจะเป็นหุบเขา แหม่ววั่ก จะเห็นหมู่บ้านม้ง Meo Vac Clay House – Homestay อยู่ทางซ้ายมือไกลๆ
ถึงดอกไม้ริมทางจะหน้าตาคล้ายๆบ้านเรา แต่มันก็น่ารักดี
ทางเดินเท้าจะแยกขึ้นมาเห็นถนนแห่งความสุขอยู่อีกฝั่งของภูเขา
เมื่อเริ่มเดินสูงขึ้นจะเห็น ม๊าปิเหล่ง ที่มีแม่น้ำอยู่ด้านล่าง
เห็นถนนแห่งความสุขคดเคี้ยวไปตามภูเขา
คุณลุงขอดูรูปที่ถ่ายระหว่างพักเหนื่อย ดูแกจะชอบรูปความวุ่นวายของเมืองฮานอยมาก
เมื่อมาถึงจุดสูงสุดจะเป็นวิวแบบพานอรามา

สามารถติดต่อน้องเตี่ยบ (Tiep) ผ่านทาง WhatsApp ได้ที่เบอร์ +84869929333 ก็สามารถไปพูดคุยกับเขาที่นั่นก่อนได้  

อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ

ตอนที่ 1 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน – ทะเลสาบบาเบ๋ Ba Be Lake ความโกรธแค้นของมังกร
ตอนที่ 2 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน – น้ำตกบั่นซก Ban Gioc อลังการน้ำตกกั้นพรมแดน
ตอนที่ 4 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน –ดงวัน Dong Vang เมืองที่เราหลงรักที่สุดในเวียดนาม
ตอนที่ 5 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน –ดงวัน Dong Van รางวัลชีวิตสำหรับนักเดินทาง
Thanawat: REMINDER