Valley Of Flowers สวนดอกไม้ของเทพเจ้า

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์

REMINDING ME: Uttarakhand, India

เที่ยวอินเดีย รัฐอุตตราขัณฑ์ 14 วัน

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์
Valley of flowers ไหนละดอกไม้? ในใจคิดเมื่อเดินมาถึงหุบเขาแล้วเห็นแต่ความเขียว

Valley of Flowers (Nanda Devi National Park) เป็นจุดหมายปลายทางที่เราเฝ้าฝันถึงตั้งแต่อยู่ในวัยเรียน ใครจะรู้ว่าความฝันนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริงได้เมื่อสังขารจะกลายเป็นอุปสรรค! พี่อิ๋ง ผู้เขียนหนังสือ ข้างหลังโปสการ์ด ได้ป้ายยาเราแบบร้ายแรงด้วยคำตอบที่ยากจะปฏิเสธว่า ถ้าต้องเลือกสถานที่ที่สวยที่สุดในการเดินเขาเพียงแห่งเดียว พี่อิ๋งจะเลือกที่ไหน? คำตอบคือ Valley of Flowers ความงามของภูเขาหิมาลัยที่เต็มไปด้วยดอกไม้ และความสูงที่พอเหมาะไม่ทำให้ต้องทรมานตัวเองจนเกินไป ทำให้คำตอบนี้ฟังดูแล้วต้องสักไว้ที่แขนว่าเป็นสถานที่ที่ควรมาเยือนให้ได้สักครั้งก่อนตาย

แต่เอาจริงๆ หนังสือ Lonely Planet ที่มีข้อมูลแค่ไม่กี่หน้าในเวลานั้น ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังมองภาพฝันที่ไม่ชัดเจน ทำให้กล้าๆ กลัวๆ ที่จะออกเดินทาง แต่ปัจจุบันนี้ ข้อมูลออนไลน์ที่มีมากมายทำให้การเดินทางวางแผนกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้น ความสงสัยยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะภาพภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ราวกับภาพตอนจบของโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่ม! เราพยายามค้นหาคลิปจากแหล่งต่างๆ แต่ไม่พบภาพเคลื่อนไหวที่เราหมายตาไว้ จึงได้สันนิษฐานว่า ดอกไม้ในทุ่งนี้อาจจะบานในฤดูที่ไม่พร้อมกัน หรือบางทีภาพที่เห็นอาจจะถูกตัดต่อมาจากหลายช่วงเวลา (มองโลกในแง่ดีไว้ก่อน)

หลังจากที่เราปักหมุดลงไปที่ Valley of Flowers ก็ถึงเวลาเริ่มวางแผนกันอย่างจริงจัง หาเมืองใกล้เคียงและวางแผนการเดินทางให้ครบ 14 วัน! เรารีบจัดลิสต์เมืองและร่างแผนการเดินทางบนแผนที่ของ รัฐอุตตราขัณฑ์ อย่างเร่งด่วน ทุกอย่างถูกทำอย่างส่งเดช เพราะไม่มีเวลามากนักในการเตรียมตัวอย่างจริงจัง หลังจากเสร็จงาน เรามีเวลาพอๆ กับการดูหนังสั้นสักเรื่องในการเตรียมตัว เตรียมการบ้านหลักๆ ก็มีแค่เรื่องระยะทาง อุณหภูมิ ความสูง และค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพราะทริปนี้ เราต้องบริหารจัดการเวลาให้ลงตัวในงบประมาณที่จำกัด เฉลี่ยไม่เกิน 2000 บาทต่อวัน! แผนการเดินทางต้องเหมือนการปักธงชัย ไม่สามารถพลาดได้! แต่ละวันเราต้องพิถีพิถันในการจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ เพื่อให้สามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางโดยไม่ต้องเป็นหนี้ธนาคารเมื่อกลับถึงบ้าน

Day 1 : Dehradun : 4/07/2024

เครื่องบินจากไทยไปลงเดลีผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา เช็คอินต่อเครื่องภายในประเทศไปเดห์ราดูนก็ไม่ได้ยุ่งยากทันเวลาพอดีกับสองชั่วโมงครึ่งที่มีอยู่ แต่มีความน่ารำคาญอยู่เรื่องนึงที่คอยสะกิดต่อมอยากกรี๊ดตลอดเวลา แถวที่มีการต่อกันยาวเหยียดมันไร้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ จะมีคนคอยแซงอยู่ตลอดเวลา แอ็คติ้งเหมือนมีเรื่องสำคัญกับชีวิตที่จู่ๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ คนโห่ไล่ก็โนสนโนแคร์ พนักงานก็ดูยุ่งหัวฟูจนอะไรยื่นมาตรงหน้าก็ทำให้หมด พอถึงคิวเราก็เดินปรี่เข้าเคาน์เตอร์ ก่อนที่เอาพาสปอร์ตทัชดาวน์ก็มีมือของคนแปลกหน้าแทรกเข้ามา เราเลยหันไปมองแล้วหลุดปากออกไปว่า “มึงมาจากไหนเนี่ย?” แล้วปัดมือที่ถือไอดีของเขาออกไป พร้อมกับบอก “โน” แบบหมดความอดทน พอได้บอร์ดดิ่งพาสมาเรียบร้อย เราก็หาที่ซื้อซิมการ์ด มันกลายเป็นเรื่องลึกลับขึ้นมาเฉย หาตามคำบอกเล่าของผู้คนที่สอบถามก็ไม่พบแต่อย่างใด

ที่ยวบินที่ล่าช้าไปกว่าชั่วโมงก็ไม่ได้ทำให้เราหาร้านขายซิมเจอ ได้แต่เติมเงินอินเตอร์เน็ตผ่านแอปที่จะสามารถใช้ได้ในสนามบินเท่านั้นมาแทน เรารีบแค๊ปชื่อสถานที่ที่จะไป ข้อมูลต่างๆที่คิดว่าน่าจะได้ใช้ก่อนที่จะมีสัญญาณโทรศัพท์เป็นของตัวเอง พอลงเครื่องฝนที่ตกหนักอยู่แล้วกลับมีลมที่พัดแรงจนบรรยากาศดูน่ากลัว (ที่สนามบินเดลีเพิ่งหลังคาถล่มลงมาเมื่อหลายวันก่อนมีคนเสียชีวิตด้วย) รถแท็กซี่คันเก่าพาเราฝ่าฝนที่ตกหนักจนที่ปัดน้ำฝนดูท่าจะไร้ประโยชน์ รถทุกคันค่อยๆ ชลอตัวเพราะน้ำที่ท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถนนเหลือเพียงเลนเดียว เมื่อรถเข้าใกล้จุดที่น้ำท่วมหนักสุดก็เห็นนักข่าวช่องสิบแปดยืนตากฝนพยายามสัมภาษณ์ผู้คน รวมทั้งรถทุกคันที่ผ่าน ตากล้องยืนกลางถนนเพื่อให้ได้ภาพที่ลงตัวซึ่งมันยิ่งทำให้ถนนที่จะผ่านแคบลงไปอีก การจราจรที่แสนจะแย่อยู่แล้วกลายเป็นอะไรที่เลวร้ายไปกว่าเดิม แล้วเราสาบานได้ว่ารถทุกคันเปิดหน้าต่างให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส รวมทั้งรถของเราด้วย ระยะทางที่ควรจะใช้เวลาแค่ 30 นาทีกลับกลายเป็นเกือบสองชั่วโมง กว่าเราจะเข้าถึงใจกลางเมืองได้

ทันทีที่มาถึงโรงแรม เราแทบต้องขยี้ตาหลายรอบเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันร้ายอยู่ ตอนที่หาข้อมูล ยังพอมีความหวังเล็กๆ ว่ารูปภาพที่เห็นเป็นฝีมือของช่างภาพสมัครเล่นที่ใช้มือถือโนเกียฝาพับสมัยพระเจ้าเหาถ่าย แต่ความจริงนั้นแย่กว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก! โรงแรมที่ซ่อนตัวอยู่บนห้างที่ใกล้เจ๊ง ทางเดินขึ้นเหมือนตึกร้างในหนังผี มันเป็นภาพที่น่าเศร้าจริงๆและเราก็เหนื่อยเกินกว่าจะแบกกระเป๋าหนักอึ้งไปหาที่พักใหม่ ไหนจะไม่มีซิมการ์ดท้องถิ่นให้ใช้โทรศัพท์อีก สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าพักด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับการต้องฝืนกินอาหารที่เรารู้อยู่เต็มอกว่ามันหมดอายุไปตั้งแต่ปีก่อน (แต่ก็ทำใจมาประมาณหนึ่งเพราะเหตุผลที่เลือกที่นี่ก็เพราะราคาที่ถูกที่สุดและยังใกล้จุดจอดรถที่ตอนเช้าเราสามารถเดินไปได้)

พอวางกระเป๋าลงในห้องที่เหนียวหนึบและมีกลิ่นที่ถูกกลบด้วยสเปย์ปรับอากาศราคาถูก เราก็รีบออกไปล่าซิมการ์ดทันที แต่ให้ตายเถอะ! มันยากยิ่งกว่าหารักแท้เสียอีก เพราะต้องมีเพื่อนที่มีที่อยู่ในอินเดียมารับรองในการลงทะเบียน แถมยังต้องสแกนใบหน้าพร้อมกรอกข้อมูลอีกมากมาย เราเดินเข้าออกหลายร้านจนแทบจะถอดใจ เพราะไม่มีใครยอมทำให้เลย เดินไปเดินมาจนคิดว่าตัวเองหลงทางแล้ว จู่ๆ ก็มาเจอร้านมือถือเล็กๆ ที่เจ้าของร้านดูใจดี เขายอมทำให้โดยจะเป็นผู้รับรองให้ แต่ก็มาพร้อมกับการกำชับที่จริงจังมาก “นำซิมกลับไทยไปทำลายทิ้ง อย่าปล่อยทิ้งเรี่ยราดที่นี่เด็ดขาด” และเชื่อไหมว่ากว่าขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จใช้เวลาไปถึงชั่วโมงครึ่ง! ขอบคุณภรรยาเจ้าของร้านที่อดทนลงทะเบียนให้เราถึงสามรอบ เพราะข้อมูลที่กรอกมันละเอียดมากเหมือนขอวีซ่าถามแม้กระทั่งชื่อบิดา แถมกรอกเสร็จกดปุ่ม กับระบบที่หมุนวนแล้วข้อมูลหายต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ความฝันที่จะได้ไปเยี่ยมวัดพุทธในเมืองนี้ต้องถูกพับเก็บไป เหลือแค่เปิดดูรูปในอินเทอร์เน็ตแล้วจินตนาการว่าตัวเองอยู่ที่นั่นแทนก็แล้วกัน เราเดินกลับโรงแรมด้วยความหิวโหย หวังจะหาร้านอาหารสักร้าน แต่สิ่งที่เจอกลับเป็นร้านที่หรูหราจนเราก็ไม่กล้าแม้แต่จะขอดูราคาในเมนู กับร้านที่เป็นเพิงสกปรกจนความอยากอาหารของเราหายไปหมดราวกับมันไม่เคยมีอยู่เลย (อยากถนอมท้องไว้สำหรับการนั่งรถยาวๆในวันรุ่งขึ้น)

สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรังที่โรงแรม เราสั่งข้าวผัดผักแล้วขอให้เอามาส่งที่ห้อง เพราะทนกลิ่นสีน้ำมันที่ยังคละคลุ้งในห้องอาหารที่ทาสีใหม่ไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ที่ใครๆ จะพิสมัย แต่พนักงานก็อัธยาศัยดีจนทำให้ทุกอย่างดูน่าสบายใจขึ้นจริงๆ แม้ว่าเราจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องกันเท่าไหร่ก็ตามที โดยเฉพาะเรื่องค่าห้องอันเป็นอะไรที่น่าตกใจ เพราะพนักงานเรียกเก็บมันน้อยกว่าราคาที่จองในแอปเยอะมากจริงๆ!(จากราคาเกือบพันเหลือหกร้อยกว่าบาท) ตอนแรกเรายังคิดว่าจะเป็นปัญหากับพวกเขาทีหลังหรือเปล่า? แต่พนักงานก็ยังยืนยันในราคาตามนั้นเช่นเดิม (ก่อนมาเราแอบท้อแท้กับราคาที่พักตอนหาข้อมูล มันจะแพงอะไรกันนักหนาทุกที่เลย! จนเราตัดสินใจจองแค่คืนแรกเพื่อใช้กรอกในวีซ่า ส่วนที่เหลือก็แค่จดชื่อโรงแรมเอาไว้ เผื่อจะมีโชคเจออะไรที่มันถูกลงบ้าง)

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun
ฝนตกจนเครื่องดีเลย์ และต้องบินวนอยู่นานมากกว่าจะได้ลงได้ คนบาปมาเยือน
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun
Dehradun ที่เราดันเข้าใจว่าลงเครื่องที่นี่ก็ต้องนอนที่นี่ จริงๆจะนั่งแท็กซี่ไป Rishikesh ก็ได้ระยะทางพอๆกัน
น้ำคือท่วมหนักมาก จนคิดว่าจะต้องลงไปช่วยเค้าเข็นไหมเนี่ยถ้ารถดับ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun
นักข่าวที่สัมภาษณ์ทุกคน ทุกคัน หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถติดเราบอกเลย
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun
ทางขึ้นโรงแรม อยากโทรหาเจ้าของให้สาบานว่าชั้นบนมันมีโรงแรมอยู่จริงๆ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun
ห้องมีร่องรอยเชื้อราจากความชื้น และทุกอย่างดูถูกซ่อมแซมแบบมินิมอลเปลือยเปล่าฟิลอินดัสทรี มีแมลงเล็กๆแปลกๆเข้ามาตลอดตอนเปิดไฟ ภาวนาขออย่าให้เป็นแมลงสาบ
อาร์มแชร์แบบจัดเต็มพื้นที่ที่ต้องนั่งยองๆ พื้นห้องสุดจะเหนียวและเปื่อยร่อน สิ่งสกปรกติดตามร่องอยู่มากมาย
ไฟจะดูดไหมน้อ

Day 2 : Dehradun – Joshimath : 5/07/2024

Joshimath เมืองตั้งต้นสำหรับ Valley of flowers

เราออกจากโรงแรมแล้วเดินไปยังจุดขึ้นรถบัสที่ไป Joshimath ใบจองบอกว่าให้ไปขึ้นรถที่ใกล้ลานพาเหรด พอไปถึงที่จริงก็พบว่า “ลานพาเหรด” พูดถึงนั้นคือสนามกีฬาใหญ่ยักษ์ดีๆ นี่เอง แต่ปัญหาก็คือ ต้องเอาตัวเองไปจิ้มตรงไหนถึงจะเจอรถบัสที่ว่า? เราเดินไปถึงทางเข้าหลักของสนามกีฬา ก็มองซ้ายมองขวา สุดท้ายตัดสินใจเดินอ้อมซ้ายเลาะไปตามรั้ว ซึ่งก็ไม่ผิดคาด ถ้าเราเลี้ยวขวาแทน เดินไปแค่สองร้อยเมตรก็ถึงจุดขึ้นรถแล้ว! เมื่อเจอรถบัส เราโชว์ใบจองให้คนขับรถที่ซื้อมาจาก 12Go นั่งลงตามหมายเลขที่เลือกไว้ล่วงหน้า แล้วก็ได้พบกับคุณน้าผู้ใจดีที่นั่งตรงข้าม เขาชวนเราคุยและยังชวนกินขนมระหว่างที่รถยังไม่ออก แกก็กำลังจะไปเที่ยวแถวนั้นอยู่เหมือนกัน

ทิวทัศน์ตามเมืองต่างๆ ที่มีแม่น้ำตัดผ่านทำให้เราอยากกระโดดลงจากรถที่แน่นขนัด  เพราะมีสองเหตุผลสำคัญ: หนึ่ง เมารถจนเกือบจะอ้วก สอง ความสวยงามของแต่ละที่มันชวนให้เราหยุดแวะเที่ยวมากๆ (ที่เวียดนาม เราเคยลงจากรถกลางทางเพราะทนไม่ไหว) แต่เราต้องบังคับตัวเองให้อยู่กับแผนเที่ยวที่วางไว้ก่อน

ช่วงอีกหกสิบกิโลเมตรเป็นช่วงที่ใจจะขาด ทั้งหิวและทั้งเมารถและปวดฉี่ รถวิ่งช้าลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายจอดสนิทกลางทาง การเดินทางในหน้าฝนแบบนี้เหมือนการเล่นเกม เพราะทั้งดิน และหินที่ถล่มตลอดเส้นทาง ทำให้เวลาในการเดินทางก็ต้องเผื่อใจไว้มากๆ จากที่ปกติใช้ 8-10 ชั่วโมง วันนี้เราต้องใช้ถึง 12 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ายังดีที่ไม่เลวร้ายจนเกินไป เพราะมีการเคลียร์พื้นที่ให้รถแล่นผ่านได้อย่างรวดเร็ว เอาจริงๆเราก็ท้อแท้กับการเดินทางที่ลำบากประมาณหนึ่งโดยเฉพาะการนั่งรถที่ทั้งแคบและแน่น (เหม็นด้วย กลิ่นเหมือนผ้าอ้อมที่มีอึของทารก แต่ไม่ใช่กับอินเดียอย่างเดียวนะ ที่ประเทศอื่นก็มีกลิ่นเบาะแบบเดียวกันเลยเวลาเจอความชื้นไม่รู้ทำไม) แต่พอได้เห็นภูเขาสวยๆเท่านั้นก็ใจฟูสร้างความอึดอดทนขึ้นมาทันที

Joshimath ที่มืดสนิทและฝนพรำ เรากำมือถือมองหาทางที่ไปโรงแรมด้วยความระมัดระวัง ทางราดที่ชันทำเราเดินช้าลงมาก เมื่อถึงโรงแรมน้องพนักงานก็ดูเคร่งเครียดสุดๆกับการสื่อสาร ที่เราได้แต่เดาทำความเข้าใจจากท่าทางสาธิตในเรื่องต่างๆเพียงเท่านั้น ปลั๊กไฟที่เราต้องเปิดสวิตช์มากมายกว่าจะใช้งานได้เหมือนกับการเล่นปริศนาที่ไม่มีคำใบ้ รวมถึงเครื่องทำน้ำร้อนในห้องน้ำที่เราต้องยืนงงกับหัวก๊อกที่มีมากมายเหมือนกับระบบการรักษาความปลอดภัยของธนาคาร ที่นี่ห้องพักราคาถูกมากกว่าครึ่งจากในแอปยิ่งทำให้เราอุ่นใจกับวิธีการวอล์คอินมากยิ่งขึ้น ร้านอาหารแถวที่พักส่วนใหญ่ปิดลงแล้ว เหลือแต่ร้านที่ขายของกินเล่นยังคงเปิดทำการอยู่ ผลจากการสุ่มสั่งอาหารด้วยการชี้ๆทำให้เราได้ก้อนแป้งทอดแข็งๆที่โรยผงกระหรี่มาหนึ่งจาน เรากินกับโยเกิร์ตหนึ่งกล่องรองท้องก่อนเข้านอน

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun, Joshimath, Valley of flowers
พอสองชั่วโมงผ่านไปรถเริ่มแล่นเข้าเขตภูเขา ฝนตกต่อเนื่องเกือบตลอดทาง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun, Joshimath
บางทีก็แอบคิด ว่าคนที่อยู่บนภูเขาแบบนี้เขาทำอาชีพอะไรกันนอกจากปลูกพืชที่ดูจะโหดเอาการ ขั้นบันไดที่เห็นเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่พยายามจะเอาชนะธรรมชาติ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun, Joshimath
Devprayag ยามรถแล่นผ่าน ด้านขวามือบนเขาคือมหาวิทยาลัย
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Joshimath
Joshimath ตอนที่มาถึงคือทั้งฝนทั้งหมอกครอบคลุมเต็มเมือง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Dehradun, Joshimath
ที่พักเราที่นอกจากจะเดินลงเขามา ก็ยังต้องเข้าซอยที่ทั้งมืดและเปลี่ยว ทั้งที่จริงแล้วมีทางที่ง่ายและสว่างกว่านี้ แต่กูเกิ้ลอยากมาทางนี้

Day 3 : Joshimath – Badrinath : 6/07/2024

ในตอนเช้าที่ฝนตกมันทำให้อากาศที่โจชิมัธ หนาวมาก อุณหภูมิลดลงเหลือเพียง 15 องศา คุณลุงเจ้าของที่พักเอาเอกสารที่ชาวต่างชาติต้องกรอกมายื่นให้ มันยาวมากจริงๆกรอกจนท้อ หลังจากนั้นเราก็เดินที่วัด Shri Narsingh Joshimath ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก วัดนี้มีบทบาทสำคัญในศาสนา เป็นจุดหมายที่สำคัญของผู้แสวงบุญที่มุ่งหน้ามาเพื่อบูชาและรับพรจากพระนรสิงห์ โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่วัด Badrinath ปิด

พระนรสิงห์ในศาสนาฮินดูเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมและการกำจัดความชั่วร้าย ทรงแสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในการปกป้องผู้ศรัทธา พระนรสิงห์สอนเราให้มีความกล้าหาญ เอาชนะความกลัว และยืนหยัดในความดีเพื่อเอาชนะอุปสรรค การเชื่อมโยงผสมผสานระหว่างคนกับสัตว์ เป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ความอ่อนโยนและดุดันที่มีความสมดุลในการเอาชนะสิ่งชั่วร้าย อันนี้เราเปิดกูเกิ้ลด้วยความสงสัยในอัตลักษณ์ที่ดูน่ากลัวของเทพบางองค์ในศาสนาฮินดู ซึ่งบางทีการที่เราหยิบดอกบัวไปฟาดคนชั่วแทนที่จะเป็นกงจักรมันก็คงหัวเราะเยาะเอาได้เราว่านะ

หลังจากขอพรเอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่จะต้องเดินทางในทริปอย่างจริงจัง เราก็เลยเถิดเดินเล่นไปไกลมาก ถนนเล็กๆที่ทะลุเห็นภูเขามีเมฆหมอกลอยฟูฟ่องละเลียดตามยอดเขา มันทำให้เกิดดราม่าทางสายตาที่มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ พอฝนซาเราเดินกลับที่พักหาอะไรกินแล้วเริ่มออกเดินทาง

จาก โจชิมัธ เราเดินทางมา เมือง พทรินาถ (Badrinath ลองเปิดชื่อทับศัพท์ สะกดได้อ่านยากมาก) ด้วยแชร์แท็กซี่ ซึ่งแน่นมาก ปกติจะนั่งได้ 7 คนรวมคนขับ แต่นี่ล่อเข้าไป 9 คนแล้ว! รถแล่นออกนอกเมืองไปได้สักพักก็ชะลอจอด ในใจได้แต่คิดว่าไม่มีที่แล้วจะมาเบียดแบ่งครึ่งที่นั่งกับคนขับหรืออย่างไร…. ปรากฏจริงจ้า เบียดนั่งขับรถครึ่งตูดกันไปตลอด 40 กิโลเมตร จนถึง Badrinath

ค่าบริการที่คนขับบอกเราคือ 150 รูปีตอนก่อนขึ้น แต่ตอนจ่ายเราให้แบงค์ 500 ไปได้ตังทอนเป็นแบงค์ที่ขยุ่มใส่มือนับดูคือแค่ร้อยเดียว ตอนแรกนึกว่าฟังผิดได้แต่ทวงถาม แต่ก็โดนตอบกลับโวยวายใส่อารมณ์จนน่าเกลียด เราได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับสบถออกมาดังๆว่า “อีเหี้ย” แล้วเดินจากไป มือยกขึ้นมาตีปากตัวเองอยู่หลายครั้งเมื่อเดินออกมา นี่เมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรจะใช้คำพูดหยาบคาย ถึง อีเหี้ย จะเป็นกงจักร แต่หากเราหลงใช้มันในทางที่ผิด ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นผู้ผิดบาปไปเสียเอง และอาจโดนรุมกระทืบขึ้นมาก็คงจะแย่แน่นอน (ที่โมโหก็เพราะเราเห็นลุงอีกคนที่โดนแบบเดียวกับเราตอนก่อนถึงในเมือง)

มือยกโทรศัพท์ขึ้นมา ได้แต่เปิดอ่านชื่อโรงแรมที่เคยหาข้อมูลไว้เพราะสัญญาณโทรศัพท์ตอนนี้ไม่มี เราได้แต่สุ่มเดินไปตามทางที่ออกนอกเมือง ด้วยความเชื่อส่วนตัวที่ว่ามันน่าจะอยู่แถวๆนั้น (โรงแรมยิ่งใกล้วัดยิ่งแพงมากจนน่าขนลุก) ไม่รู้อะไรดลใจให้เราไม่เดินไปตามถนนหลักต่อ เราเลี้ยวเข้าซอยเล็กที่มีการก่อสร้าง เรามองเข้าไปเห็นป้าย Hotel Pinnacle Peaks อยู่ไกลๆ ที่ดีใจมากเพราะนี่เป็นหนึ่งในสามโรงแรมที่ไม่เกินงบ พอเข้าห้องพักกลับพบว่าโรงแรมแห่งนี้สวยและดีกว่าในรูปเยอะ อยากเขกกะโหลกคนเลือกรูปที่ใส่ไปในออนไลน์เสียจริง แถมสะอาดสะอ้านจนไม่ต้องใส่รองเท้าในห้องเดินไปเดินมาเหมือนสองที่ที่ผ่านมา แต่ก็ว่าบาปราคาต่างกว่ากันเยอะ ที่นี่ตกคืนละ 1300 บาท ส่วนสองคืนที่ผ่านมาก็ประมาณ 400 กว่าบาท พอวางกระเป๋าแล้วเราก็ออกเดินไปที่วัดทันที

Badrinath เป็นสถานที่ที่ธรรมชาติและจิตวิญญาณหลอมรวมกันอย่างกลมกลืน จนเกิดเป็นความงามที่ยากจะบรรยาย บางคนเคยกล่าวไว้ว่า การจาริกแสวงบุญใน Badrinath ไม่ใช่แค่การเดินทางทางกายภาพ แต่เป็นการเดินทางเข้าสู่ภายในจิตใจ เพื่อค้นพบตัวตนที่ลึกที่สุดของเราเอง

ภาพที่เห็นใน Badrinath มักจะเต็มไปด้วยความศรัทธาและความมุ่งมั่นของผู้แสวงบุญ จะเห็นคนชราจำนวนมากที่ค่อยๆ ไต่บันไดเข้าสู่ประตูวัด บางคนแม้จะเดินไม่ไหว ก็ยังถูกหามใส่ตะกร้าขึ้นไปอย่างไม่ย่อท้อ สิ่งที่สะท้อนจากใบหน้าของพวกเขาไม่ใช่ความเหนื่อยล้า แต่เป็นความปลื้มปริ่มที่มาพร้อมกับการได้สัมผัสถึงศรัทธาที่ลึกซึ้งและการบรรลุถึงจุดหมายปลายทางทางจิตวิญญาณ

คิวที่ยาวเหยียดจนดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดในบางครั้ง อาจทำให้หลายคนรู้สึกท้อแท้ แต่สำหรับผู้แสวงบุญที่มาเยือน Badrinath พวกเขากลับเต็มไปด้วยความสุขและความสันติที่หายากในโลกที่วุ่นวาย ภาพเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าความเชื่อและศรัทธาที่มั่นคงสามารถนำพาเราไปยังที่ที่จิตใจและจิตวิญญาณสามารถพักพิงและเจริญเติบโตได้ แม้จะต้องผ่านอุปสรรคใดๆ ก็ตาม

วัด Badrinath เป็นหนึ่งในสี่วัดหลักของอินเดีย ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าเทพเจ้าวิษณุได้ประทับที่นี่ในรูปของนารายณ์ เพื่อรอคอยการกลับมาของเทพเจ้าลักษมี วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 โดย Adi Shankaracharya บุคคลสำคัญทางศาสนาที่ได้ฟื้นฟูศาสนาฮินดูให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง

มีเรื่องเล่าที่น่าขนลุกเกี่ยวกับวัดนี้เล่าว่า ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ หากคุณอยู่ใกล้ๆ คุณอาจจะได้ยินเสียงสวดมนต์ลึกลับที่ลอยมาเบาๆ จากทิศทางของวัด เสียงนี้ไม่ได้มาจากมนุษย์ แต่เชื่อกันว่ามาจากพลังแห่งเทพที่ยังคงรักษาและคุ้มครองสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านหรือเสียงของพระที่เคยอธิษฐานขอพรไว้ เสียงเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าพลังแห่งศรัทธาและความเชื่อยังคงมีอยู่แม้ในยามที่เราอาจมองไม่เห็น เรื่องเล่าเหล่านี้ได้ทำให้วัด Badrinath เป็นมากกว่าสถานที่ทางศาสนา แต่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความศรัทธาที่เข้มข้น และการคุ้มครองจากสิ่งที่เรามองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยจิตวิญญาณ

เราเดินงงๆหาทางเข้าวัดอยู่นาน หลงไปอีกด้านของแม่น้ำที่ถูกดินถล่มจนทางเชื่อมหาย ต้องเดินอ้อมอีกไกลโขกว่าจะถึง ทางเข้าจะมีตำรวจกั้นให้เราเอา QR code ที่ลงทะเบียน Yatra Registration ล่วงหน้าเพื่อแรกบัตรเข้าไป (เพื่อป้องกันผู้คนที่หนาแน่นเกินกับเผื่อเกิดภัยพิบัติก็จะได้มีข้อมูลในการเข้าพื้นที่ ต้องลงทะเบียนก่อนล่วงหน้าทางออนไลน์) พอข้ามสะพานมาเราเดินไปด้านล่างที่มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่ผูแสวงบุญจะมาอาบชำระร่างกายและจิตวิญญาณก่อนเข้าวัด เราได้แต่เอามือกวักน้ำล้างหน้ากับราดหัว เห็นคิวที่ต่อยาวเพื่อเข้าวัดแล้วก็แอบท้ออยู่เหมือนกันแต่ก็มีคนนู้นคนนี้คอยทักบอกให้ทำแบบนั้นแบบนี้ ตั้งแต่ของไหว้จนถึงการฝากรองเท้า ซึ่งไม่ใช่แต่กับเราที่ดูยืนงงๆ แต่จะส่งสารต่อๆกันสำหรับผู้เดินทางมาใหม่ที่เราว่าน่ารักดี

ที่ตั้งของวัด Badrinath อยู่ในหุบเขาที่งดงามมาก มีน้ำตก แม่น้ำ และยอดภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ แม้ว่าจะมีการก่อสร้างและซ่อมแซมเกิดขึ้นแทบทุกมุมเมือง รวมทั้งเพิงพักชั่วคราวของผู้แสวงบุญที่กระจัดกระจาย แต่มันกลับไม่ได้ลดทอนความมหัศจรรย์ของสถานที่นี้ลงเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้าม มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า ที่นี่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่คงอยู่เหนือกาลเวลา

ในคืนนั้น อยู่ดีๆ เราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงหน้าต่างที่สั่นสะเทือนเหมือนกำลังคำรามอยู่ เตียงที่เรานอนอยู่ก็สั่นโยกไปมา เราลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ ห้องด้วยความงุนงง แต่เพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบอย่างน่าอัศจรรย์ มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้ตระหนักถึงพลังของธรรมชาติและความลึกลับของสถานที่นี้จริงๆ

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Joshimath
Joshimath ที่เห็นวัดได้จากระเบียงหน้าห้อง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Joshimath
วัด Shri Narsingh เราเดินมาขอพรก่อนที่จะออกเดินทางกับพระนรสิงห์
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Joshimath
ทางเดินถนนเส้นเล็กที่ไม่ใช่ตรงถนนใหญ่ ที่ทำให้รู้สึกว่าเมืองนี้น่ารักดี
สภาพอากาศที่รุนแรงทำให้บริเวณนี้มีปัญหาเรื่องดินถล่ม บ้านแยกร้าว
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Joshimath
การก่อสร้างและการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้การทรุดตัวเลวร้ายมากขึ้น
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Joshimath
ร้านขายยาเก่าแถวโรงพยาบาล
วิทยาลัย Joshimath วิวเธอดีมาก
Joshimath เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขต Chamoli ซึ่งเป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น Badrinath, Auli, และหุบเขาดอกไม้ (Valley of Flowers) จึงทำให้การขยายของเมืองเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Joshimath
ถนนที่จะไป Badrinath ซึ่งอยู่ห่างจาก Joshimath ไป 40 กิโลเมตร
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath
Badrinath ตรงแถวท่ารถจะมีลูกหาบคอยหาลูกค้าที่ต้องการให้ช่วยแบกของหรือแม้กระทั่งคนที่เดินไม่ไหว ไปยังวัดหรือที่พัก ตอนเรามาถึงไฟดับ สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี ตอนเดินหาโรงแรมคือต้องเดาเอา
ที่นี่สูงจากระดับน้ำทะเล 3300 เมตร ภูเขาที่เห็นคือทางไปหมู่บ้าน Mana
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath, Valley of flowers
น้ำตกหลังวัด ส่งเสียงดังคำรามไปทั่วหุบเขา
 Valley of flowers
วิวภูเขาจากหน้าที่พัก
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath
วัด Badrinath ที่คนเยอะมากจริงๆ ทางโรงแรมบอกช่วงนี้น้อยแล้วนะ เพราะถนนปิดๆเปิดๆเพราะหินถล่มบ่อย
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath
ภาพแบบนี้มีให้เห็นทั่วไปในแถบรัฐอุตตราขัณฑ์ ที่ผู้คนมาจาริกแสวงบุญ
น้ำพุร้อนที่ผู้คนมาอาบน้ำชำระร่างกายก่อนเข้าวัด
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath จาริกแสวงบุญ
ถ้าเป็นเดือนสิงหาคมจะมีเทศกาลแถวที่ต่อจะยาวมาก 5-6 ชั่วโมงถึงจะได้เข้าวัด ของเราเพียงชั่วโมงกว่าๆ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath
บ้านเรือนทางด้านซ้ายหายไปเยอะจากดินถล่มโดนสายน้ำซัดหายไปพร้อมกับสะพาน
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath
อันนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร น้องคนขายบอกชื่อปุ๊ปเราก็ลืมปั๊ปในทันที อร่อยแต่ช้อนดำมาก
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath
Hotel Pinnacle Peaks ที่ห้องพักสะอาด พื้นไม่เหนียวเลย อุตส่าห์มีห้องน้ำดีๆ แต่พอถึงเวลาที่ต้องอาบน้ำไฟกลับดับเกือบตลอดทั้งสองวัน

Day 4 : Mana Village : 7/07/2024

Valley Of Flowers อยู่ที่ไหน?

หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงสงสัยว่า Valley Of Flowers ทุ่งดอกไม้อันเลื่องชื่อเมื่อไหร่จะถึง บอกเลยว่าเราเตะถ่วงการไปเยือนทุ่งดอกไม้นี้ออกไปให้นานที่สุด เพราะช่วงเวลากลางกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคม ดอกไม้จะบานสะพรั่งสวยงามมากที่สุดนั่นเอง

เช้าวันนี้ที่ท่ารถ

เช้านี้เราเดินมาที่ท่ารถ กลับพบว่ามีผู้คนยืนรอกันอยู่มากมายเป็นพิเศษ เราเดินถามหารถที่จะไปหมู่บ้าน มณา (Mana) จนได้เจอกับครอบครัวชายหนุ่มสามคนที่เข้ามาคุยและชวนให้เราขึ้นรถไปด้วยกัน ที่จริงแล้วพวกเขาตั้งใจจะเดินทางกลับในวันนี้ แต่ด้วยถนนที่ปิดเพราะหินถล่ม ทำให้พวกเขาต้องพักที่นี่อีกหนึ่งคืน

หมู่บ้านมณาและต้นกำเนิดแม่น้ำสรัสวดี

เมื่อรถจอดหน้าหมู่บ้าน (ระยะทางเพียงห้ากิโลเมตรจาก Badrinath 50 รูปี) พวกเราก็เริ่มเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อนร่วมทางชวนเราไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆในหมู่บ้าน พร้อมกับครอบครัวของเขา และเล่าประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจให้ฟัง สิ่งที่เราประทับใจที่สุดคือการได้เห็นต้นกำเนิดของ แม่น้ำสรัสวดี ที่เคยได้ยินแต่ชื่อ และยังได้เยี่ยมชม ถ้ำวยาส ที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่นักปราชญ์วยาสได้แต่งมหาภารตะขึ้นที่นี่ หลังจากทานขนม พวกเขาก็ปรึกษาเรื่องไปเที่ยวน้ำตก แต่เนื่องจากวาสุพี่คนโตกลัวว่าตัวเองจะไม่ไหวเพราะต้องเดินเขาไปอีก 5 กิโลเมตร เราจึงขอแยกตัวออกไปเดินทางต่อคนเดียว ขณะที่พวกวาสุจะหาที่พักในหมู่บ้านมณาเพื่อพักผ่อนแทน

น้ำตกวาสุธารา

น้ำตก วาสุธารา (Vasudhara) เป็นน้ำตกศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ว่ากันว่าหากไปยืนใกล้ ๆ น้ำตกนี้ จะมีลมพัดให้น้ำไม่เปียกตัว ถ้าผู้นั้นบริสุทธิ์ใจ เส้นทางไปยังน้ำตกเป็นทางเดินหินผ่านช่องเขาที่สวยงามมาก มีธารน้ำแข็งและยอดภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะบาง ๆ แม้จะอยู่ในเดือนกรกฎาคมก็ตาม ฝนที่ตก ๆ หยุด ๆ ทำให้อุณหภูมิลดลงต่ำ เราค่อย ๆ เดินขึ้นไปอย่างช้า ๆ คนท้องถิ่นแซงเราไปหลายกลุ่ม เพราะเรามัวแต่ชื่นชมความสวยงามของภูเขาและดอกไม้เล็กๆที่ขึ้นตามทาง มันสวยงามมากจริง ๆ เมื่อถึงน้ำตก เราได้ยกมือไหว้ แต่ก็มีนักแสวงบุญสามคนมาบอกให้เราร่วมเปล่งเสียงบทสวดไปกับพวกเขา เราก็ทำตามด้วยความเคารพ แต่ถามว่าน้ำตกมีลมพัดให้ตัวเราไม่เปียกไหม? บอกได้เลยว่า ฉ่ำไปทั้งร่าง! นังคนบาป2024 คิดดังๆอยู่ในใจ

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath, Mana village
ลานกว้างที่เป็นเสมือนท่ารถ วันนี้ดูไม่คึกคักเพราะถนนที่จะไป Joshimath ปิดเพราะหินถล่ม เราหารถไป หมู่บ้าน Mana ที่ห่างออกไป 5 กิโลเมตร
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath, Mana village, Valley of flowers
ต้นกำเนิดของ แม่น้ำสรัสวดี
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Badrinath, Mana village
วัดภัสกู” (Bhim Pul)
เรื่องเล่ากล่าวว่า ภีมะ (Bheema) หนึ่งในห้าพี่น้องปาณฑพ (Pandavas) ได้สร้างสะพานหินนี้ขึ้นเพื่อให้พี่น้องของเขาข้ามแม่น้ำสาระสวตี (Saraswati River) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลอย่างแรงและเป็นส่วนหนึ่งของปกรณัม โดยวัดภัสกูนี้มีหินขนาดใหญ่วางขวางลำน้ำไว้ เหมือนเป็นสะพานให้แม่น้ำไหลลงผ่านไปได้
ฤาษีเป็นผู้ที่มีความสำคัญในทางศาสนาและได้รับการเคารพบูชาอย่างสูงจากชาวบ้านในพื้นที่ 
พระแม่ลักษมีตรงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

วิวระหว่างทางไปวาสุธารา (Vasudhara) จากหมู่บ้านมณา ทางเดินไม่ได้ลำบากมาก วิวภูเขาในฤดูฝนมันยิ่งทำให้สวยยิ่งขึ้นไปอีก

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Mana village, Vasudhara
เมื่อคืนอากาศหนาวมากเราเลยต้มน้ำกรอกใส่กระบอก จนลืม พอเดินอยู่กลางทางหิวน้ำจึงเปิดดื่ม รู้สึกรสชาติมันแปลกๆเลยก้มดู มันเขียวแบบสยองมาก ไม่รู้เกิดจากอะไร เลยต้องเททิ้ง และตลอดเส้นทางการเดินเราต้องดื่มน้ำจากลำธารเอา
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Mana village, Vasudhara , Valley of flowers
ดอกไม้สองข้างทางมันดูสวยมาก
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Mana village, Vasudhara
ยิ่งใกล้น้ำตกยิ่งพบมากขึ้น
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Mana village, Vasudhara , Valley of flowers
น้ำตกนี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Mana village, Vasudhara
“วาสุธารา” ในภาษาสันสกฤตหมายถึง “กระแสแห่งความมั่งคั่ง” เชื่อกันว่าน้ำตกนี้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Mana village, Vasudhara
พวกพี่ๆเค้าวานให้เราถ่ายรูปให้ แล้วชวนมายืนตะโกนบทสวด เรายืนฝั่งขวาที่ใกล้น้ำตก น้ำกระเด็นมาเปียกหมดดุจดั่งคนใจบาป พวกพี่ๆเค้าดูมีความสุขมากเลยจริงๆ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Mana village, Vasudhara
คุณยายแข็งแรงมาก
ที่หน้าหมู่บ้านและที่วัดจะมีอ๊อกซิเจนไว้คอยบริการสำหรับคนที่แพ้ภูเขา

Day 5 : Badrinath – Govindghat – Ghangaria : 8/07/2024

เราลากกระเป๋าออกจากโรงแรมตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า หวังว่าจะไปถึง Govindghat จุดเริ่มต้นของการเดินเท้าไปยัง Valley of Flowers ให้เร็วที่สุด แต่แล้วภาพที่เห็นกลับทำให้หัวใจเราหล่นวูบ ผู้คนยืนอออยู่ที่ท่ารถเหมือนรอคิวแจกของฟรี! เราเดินเข้าไปถามคนโน้นคนนี้ แต่คำตอบที่ได้รับก็เป็นเพียงการปฏิเสธ จนกระทั่งเราเจอกับวาสุและครอบครัวสามหนุ่มที่เคยเจอกันเมื่อวาน พวกเขาบอกว่าถนนมีหินถล่มลงมา รถไม่สามารถผ่านไปได้ ทางการแจ้งว่ากว่าจะเปิดถนนได้ก็น่าจะหลังเก้าโมงเช้า แล้วรถคันเดียวที่พวกเขามีอยู่ก็เต็มจนไม่มีที่ให้เราอีกแล้ว

เรามองดูรถของวาสุที่กำลังจะออกไปต่อคิวรอถนนเปิดอย่างตาละห้อย และด้วยความหิวเราก็เดินไปหาอะไรกินแทน พอกลับมาที่ท่ารถ ผู้คนก็ยังคงตกค้างยืนรอกันอยู่อย่างหนาแน่น พอมีรถเข้ามาจอด ทุกคนก็พุ่งเข้าไปสอบถามพร้อมกับกระโดดขึ้นรถอย่างบ้าคลั่ง แต่เรากลับถูกปฏิเสธอยู่เรื่อย ๆ เพราะจุดหมายที่ใกล้แค่ 20 กิโลเมตรดูไม่คุ้มค่าเท่าไหร่

จนในที่สุด ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับคุณแม่พยายามเรียกเราให้รวมกลุ่มกัน เขาคงทนเห็นเราโดนปฏิเสธจนเกือบจะล้มเลิกแล้วไม่ได้ เราสามคนพยายามหลายครั้งจนในที่สุดโชคก็เข้าข้างเรา เมื่อจู่ ๆ มีรถเข้ามาเทียบใกล้ ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันจะจอดสนิทดี พวกเราก็รีบเปิดประตู ตะโกนบอกสถานที่จะไป แล้วยัดตัวเองพร้อมกระเป๋าเข้าไปเบียดที่นั่งด้านหลังจนแว่นเราถึงกับเบี้ยว!

พอรถออกไปได้ไม่นาน หนุ่มน้อยอีกคนก็โผล่มาโบกมือเรียกให้คนขับหยุด ราวกับว่าเขาคือเจ้าชายที่มีภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จ คนขับเปิดหน้าต่างมองมาด้วยสายตางุนงง แล้วก็พยักหน้าบอกให้เขาเอากระเป๋าไปวางบนหลังคา จากนั้นหนุ่มน้อยก็เบียดเข้ามานั่งกับพวกเราซะจนพื้นที่เล็กๆ ที่เหลือให้ก้นเราต้องถูกยึดไปอีกครึ่งหนึ่ง แม่ของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนจะหน้าซีดและเริ่มหายใจแรง คล้ายกับว่าเธอจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ! เราควักยาหม่องน้ำที่กำไว้ตลอดป้ายไปที่หลังมือเธอ

เมื่อถึงจุดหินถล่ม พวกเราต้องลงจากรถ เจ้าหน้าที่โบกมือเร่งให้พวกเราวิ่งไปข้างหน้าโดยเร็วที่สุด เพราะจุดนี้มีการถล่มซ้ำตลอดเวลา ในขณะที่รถเครนคันแรกหักงอในความพยายายามยกหิน รถขุดดินถูกนำมาใช้ดันแทนอย่างชั่วคราว ภาพที่เห็นทำให้เรารู้สึกถึงความเสี่ยงที่อยู่ตรงหน้า ต้องรีบเผ่นไปให้เร็วที่สุด พอพ้นมาพวกเรายังต้องต้องไต่ลงจากผาไปยังถนนอีกฝั่งด้วยความระมัดระวัง

เมื่อข้ามไปถึง ทุกคนก็ยืนมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงและสับสน พ่อหนุ่มที่มากับแม่พยายามหารถต่อเพื่อไปยังจุดหมาย แต่พอเจอคันที่คนขับตกลงรับ คนอื่น ๆ ก็รีบขึ้นไปจนเต็มในทันที เขาหันกลับมามองเรา ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษที่ไม่สามารถพาเราไปด้วยได้ เรารู้สึกถึงความห่วงใยในสายตาของคนแปลกหน้าด้วยความจริงใจ

เราขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจะโบกมือลาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับคำขอบคุณที่เรารู้ว่าเขารับรู้ได้ แม้เราจะไม่ได้ขึ้นรถคันเดียวกัน แต่ความช่วยเหลือและความปรารถนาดีที่เขามอบให้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้จะเป็นสิ่งที่เราจดจำไว้ในใจเสมอ

อีกชั่วโมงกว่าๆ ฝนเริ่มตกหนัก เรายังคงเดินเคาะรถแต่ละคันว่ามีใครเปลี่ยนใจจะกลับทางที่มาบ้าง แต่ละคนพอเห็นรูปหินยักษ์ในโทรศัพท์ที่เราโชว์ก็ยังคงงงๆแต่ก็ปฎิเสธ มีคันนึงตอบตกลง เราโยนกระเป๋าขึ้นหลังคาแล้วรีบมานั่งด้านหน้าทันทีหลังจากที่คนอื่นลงจากรถเพื่อเดินไปยัง Badrinath สุดท้ายเราใช้เวลา 5 ชั่วโมงกับระยะทาง 24 กิโลเมตร ในการมาถึงที่หมายได้อย่างทันเวลา เพราะการเดินเขา 10 กม ถ้าสายกว่านี้คงถึงมืดค่ำแน่

เมื่อมาถึง Govindghat เราก็ยืนงงๆปนความหิวจากการเดินทาง ภาพที่คิดเอาไว้ว่าจะมีเครื่องชั่งกิโลวางเรียงรายพร้อมลูกหาบมารุมล้อมให้ชี้นิ้วเลือกจนวุ่นวาย แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแบบที่คิดเลยสักอย่าง มีแต่ร้านอาหารเศร้าๆแมลงวันเยอะๆที่เปิดทำการอยู่ หลังกินเสร็จเรายังคงเดินงงไปมาอยู่นานเพราะป้ายบอกทางอะไรก็ไม่มี ได้แต่เดินถามคนที่อยู่แถวนั้น พอมาถึงอีกทางแยก รู้สึกร้อนเลยถอดเสื้อออกเหลือแค่เสื้อยืด มีชายหนุ่มสองคนกวักมือเรียกให้เราไปอีกทางเพื่อขึ้นสะพาน ซึ่งเป็นคนละทิศกับที่เราคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง เขาแนะนำตัวว่าชื่อ อบิซาส บอกให้เราขึ้นรถกับเค้าไปที่หมู่บ้าน Pulna ซึ่งตรงนั้นจะเป็นจุดของการเดินอย่างแท้จริง (ในใจร้องอ้าวอย่างดัง)

พอเดินไปบนสะพานกลุ่มคนซิกข์มากมายที่มาแสวงบุญต่างแย่งรถกันอีก ในใจคิดว่าวันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย (นอกจาก Valley of flowers แล้วที่นี่ยังมี Hemkund Sahib ที่เป็นที่จารึกแสวงบุญของชาวซิกข์อีกด้วย จึงทำให้ฟิลที่นี่เหมือนเดินขึ้นภูกระดึง,เขาคิชฌกูฏบวกกับภูสอยดาว) อบิซาส ช่วยเราให้ได้ที่นั่งก่อนที่คนมาทีหลังจะแย่งไปอีก เขาถามว่าเราพักที่ไหนแล้วจะเดินกับพวกเขาหรือเปล่า เราได้แต่ตอบไปว่า เราเดินช้าจริงๆ สปีดลูกหาบแบกตู้เย็นขึ้นเขาเค้ายังเร็วกว่าเราเลย พอถึงที่หมาย จ่ายค่าธรรมเนียม ก็กล่าวขอบคุณและร่ำลากัน

เราแบกกระเป๋าใบใหญ่หนัก 10 กก. กับสะพายใบเล็กที่ด้านหน้า สายตาสอดส่องตามหาลูกหาบ เดินท้อแท้สลับกับสร้างความหึกเหิมปลอมๆหลอกตัวเองว่า “เราทำได้” อยู่พักใหญ่ (ลูกหาบส่วนใหญ่คือเดินขึ้นไปหมดตั้งแต่เช้า หรือไม่ก็ที่เดินลงมายังมาไม่ถึง) สายตาไปสบเข้ากับหนุ่มน้อยคนนึงที่กำลังนั่งดื่มชา เห็นตะกร้าวิเศษพิงอยู่อีกฝากนึงของร้าน เราจึงเดินเข้าไปสอบถามโดยทันที หลังจากตกลงราคา เราก็ขอถ่ายรูปน้องเค้า รอยยิ้มละมุนเหมือนโมนาลิซาเห็นแล้วมันซึ้งใจดีจริงๆ น้องเค้าเป็นคนเนปาล ซึ่งเค้าก็คิดว่าเราเป็นคนชาติเดียวกับเค้าด้วยเช่นกัน
ระหว่างทางมีคนสอบถามน้องเค้าอยู่หลายคนแต่ก็เหมือนจะกัดฟันถือเองกันต่อไป (ลูกหาบที่เดินลงจากเขามาในรอบเช้าหลายคนที่ทำติดต่อมาหลายวันจึงไม่รับงาน) พอเดินไปสักพักใหญ่ก็มีคนกลุ่มนึงมาต่อรอง ที่พูดจาได้แย่มาก แถมต่อรองนิดๆหน่อยๆจนน่าเกลียด ก่อนออกเดินมาบอกเราด้วยสำเนียงบอสซี่เจ้ากี้เจ้าการว่า“เดินไปกับลูกหาบก็ฝากดูกระเป๋าด้วย แล้วให้เค้าไปวางที่โรงแรมให้ถูกที่ละ” เราก็พยักหน้าแต่ในใจคิดอยากจะเอาขี้ม้าตามทางยัดใส่กระเป๋าแม่งจริงๆ (ราคาที่น้องเค้าบอกไม่ได้แพงเลย กับลูกหาบระยะทาง 10 กม. แล้วลูกหาบในรอบเย็นแบบนี้นั่นหมายความว่าเค้าต้องพักค้างคืนด้านบนอีกซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ทางการระบุรวมไว้เบื้องต้นแล้วทั้งสิ้น) เราเดินกับน้องและผองเพื่อนลูกหาบที่เป็นชาวเนปาล พวกเขาจะสลับตะกร้ากันเพื่อไปช่วยเพื่อนอีกสองคนที่ขนเหล็กอุปกรณ์ก่อสร้างชิ้นใหญ่ ที่มันดูหนักเกินมนุษย์มนาจะแบกขึ้นมาได้จริงๆ
พอพักกินอาหารร้านระหว่างทางก็ต้องตกใจกับราคา มันไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับร้านรังแมลงวันที่ท่ารถ(ก๋วยเตี๋ยวผัดที่เยอะกว่าแม็กกี้ซองนิดนึงกับกาแฟหนึ่งแก้วเกือบ 400 รูปี) ร้านนี้เราสั่งโรตีมันฝรั่งสามชุด แม็กกี้(ม่าม่าต้มบ้านเรา)สอง และชามาซาล่า เพื่อแบ่งกับน้องๆลูกหาบ ราคา 220 รูปีทั้งหมดกินกันได้สามสี่คนอิ่ม
วิวสองข้างทางจากความสูงเกือบสองพันเมตรไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆจนวิวต้นสนเริ่มหนาแน่น จากร้อนๆต้องเริ่มเอาเสื้อหนาวขึ้นมาใส่ พอมาถึงหมู่บ้านคงคาเรีย Ghangaria ก็ต้องตกใจ ว่าผู้ใดช่างแบกอิฐหินดินทรายขึ้นมาสร้างเมืองกันได้อย่างไรบนนี้กันเนี่ย มันเจริญเกินกว่าคำว่าหมู่บ้านในแบบที่เราจินตนาการไว้ กว่าจะถึงที่พักจริงๆก็สองทุ่มกว่าๆ เจ็ดชั่วโมงที่เดินเท้าทำให้หมดแรงมากจริงๆวันนี้

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
จาก Badrinath ที่เราต้องนั่งรถที่แสนจะแน่นจนแว่นเบี้ยว ผู้คนต่างแย่งกันขึ้นรถเหมือนเป็นเก้าอี้ดนตรี รถแล่นมาได้เพียงไม่ถึง 10 กิโลเมตร ก็ต้องจอดลงเดิน เพราะหินถล่มขวางอยู่ด้านหน้าตั้งแต่เมื่อวาน
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
หนุ่มน้อยคนนี้ที่เดินทางมาพร้อมกับแม่ ที่ช่วยเราไปตลอดทาง ตั้งแต่ท่ารถที่เราแย่งที่นั่งกับคนอื่นๆไม่ทันสักที เค้าหันมากวักมือเรียกให้เราที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาเร็วๆ และให้ไปเดินตรงไหล่ทาง ไม่ชิดกับภูเขาหากเกิดการถล่มซ้ำ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
เครนที่หัก และใช้รถขุดดันหินไว้เพื่อเปิดทางชั่วคราวให้คนมุดผ่าน ตลอดตั้งแต่ลงจากรถ เจ้าหน้าที่ประกาศให้รีบวิ่งเพราะกลัวเกิดการถล่มลงมาซ้ำ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
เพื่อหลีกเลี่ยงทางที่หินถล่ม พวกเราต้องปีนไต่ลงไปยังถนนอีกฝั่ง ระยะทางไกลอยู่พอควร
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
พ่อหนุ่มกับคุณแม่ ได้ที่นั่งสองที่สุดท้าย ก่อนที่จะหันสายตามาขอโทษที่เราไปด้วยไม่ได้ แต่จริงๆนะเรารู้สึกขอบคุณเค้ามากที่ช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเราคงยังยืนเด๋อด๋าไม่ได้รถอยู่ที่ Badrinath อยู่เลย… ขอบคุณมากจากใจจริงๆ
รถที่ติดยาวจากอีกฝั่งที่มุ่งหน้าไป Badrinath แต่หลายคนก็ยังไม่เปลี่ยนใจ เราใช้วิธีเดินไปตามถนนเปิดรูปหินให้คนขับดูทีละคันแล้วถามถึงว่าจะมีคันไหนขับกลับไปทางที่มาหรือไม่
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
กว่าจะมาถึง Govindghat ระยะทางแค่ 24 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาไปกว่า 5 ชั่วโมง อาหารเที่ยงที่เราว่าแพงมาก 300 รูปี ซึ่งมันทำให้เราหลอนว่าราคาอาหารบนเขาจะยิ่งโหดร้ายไปกว่านี้ไหม
ที่เราเขียนว่าที่นี่คือดงแมลงวัน ภาพนี้คงแสดงให้เห็นว่าเราพูดไม่เกินจริง มันเกาะทุกสิ่งอย่างมากมายจริงๆ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
จาก Govindghat ต้องนั่งรถต่อไปที่ Pulna เพื่อเริ่มออกเดินอย่างแท้จริง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
สูทลินินสีชมพูตัดกับผ้าคลุมผมสีฟ้าของพี่คนนี้เค้าเด็ดจริงๆ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
ยุพราช ลูกหาบผู้มีรอยยิ้มละมุน มันคือรอยยิ้มแห่งสวรรค์ เราที่คิดว่าจะต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปเองในตอนแรกที่หาลูกหาบไม่ได้…บอกตามตรงว่าไม่รู้จะรอดหรือเปล่า เพราะแค่สองกิโลเมตรจากท่ารถก่อนมาเจอน้องเค้าก็คิดในใจว่าระหว่างทางมีที่พักไหมน้อ…เราเริ่มเดินก็บ่ายโมงเข้าไปแล้ว
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
เราเดินเกาะกลุ่มกับน้องๆลูกหาบชาวเนปาล ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นสปีดการเดินที่กำลังดี สม่ำเสมอ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
สะพานระหว่างทางที่แสดงว่าเรามาถึงครึ่งทางแล้ว
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
ทางเดินตลอดสิบกิโลเมตร ทางค่อนข้างดีเลยทีเดียว จะมีก็แต่เหม็นขี้ม้า เราสูดจนรู้สึกเจ็บคอ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ลานฮอที่หน้าหมู่บ้าน มีคนขึ้นลงแทบตลอดเวลาจริงๆ ไม่รู้กี่บาทเหมือนกัน
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ภาพตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน ที่แสดงภาพจากสื่อออนไลน์ที่เป็นของปลอม ซึ่งเราก็ไม่แปลกใจ แต่ที่น่าตกใจมากกว่าคือสื่อการท่องเที่ยวของรัฐหรือเอเจนท่องเที่ยว ก็ยังมีการนำภาพพวกนี้ไปใช้โปรโมทกันอยู่
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ภาพหมู่บ้าน Ghangaria ที่เราถ่ายตอนขากลับ เพราะตอนขึ้นมามันมืดแล้ว
Holiday inn ที่จะเป็นที่พักของเราสามคืนในหมู่บ้าน ที่นี่จะเปิดปิดไฟเป็นเวลา เพราะต้องใช้เครื่องปั่น และถ้าจะอาบน้ำร้อนต้องสั่งซื้อมาเป็นถัง ถังละ 100 รูปี

Day 6 : Sri Hemkund Sahib : 9/07/2024

ศรีเฮมกุนท์ซาฮิบ (Sri Hemkund Sahib) เป็นศาสนสถานสำคัญของชาวซิกข์ ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน Ghangaria 6 กม.ที่ระดับความสูงประมาณ 4,632 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในศาสนสถานที่สูงที่สุดในโลก

เดี๋ยวก่อนนะ จะไม่ได้พักเลยใช่ไหม แล้วมาสูงทำไมตั้ง 4632 เมตรจะไหวไหมในใจคิด เอาดีดีก็เพิ่งเปิดดูประวัติความเป็นมาในตอนเช้าวันนี้นี่เอง ด้วยความที่ไม่คิดอะไรมากเราออกตัวเริ่มเดินสายกว่าใครเพื่อน แปดโมงกว่าเพิ่งจะออกจากที่พัก แดดวันนี้ส่องสว่างร้อนแรงแตกต่างจากวันก่อนๆโดยสิ้นเชิงแต่อากาศก็หนาวใช้ได้อยู่เหมือนกัน

เราเดินมาได้สักสองกิโลเมตรก็เริ่มเหนื่อย เดินก้าวนึงก็หอบซะตัวโยน ให้เดาไม่ใช่ว่าเพราะแก่เพียงอย่างเดียว แต่โรคแพ้ภูเขาคงกำลังซ้ำเติม เริ่มปวดหัวมึนงง ม้าโดยสารที่กลับลงมาดูเย้ายวนยั่วเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิดมาก แต่พอเห็นเจ้าของหวดม้าที่ดื้อดึงอย่างรุนแรงเราก็ตัดสินใจไม่นั่งดีกว่า ตามทางเดินมีเพียงเรากับผู้แสวงบุญอีกสี่ห้าคนที่เดินหอบอยู่ บางคนตัดสินใจขึ้นม้าไปแบบไม่มีทางเลือกเพราะหมดแรง คนที่เดินลงมาเตือนบอกเราว่าวัดปิดบ่ายโมงครึ่งนี่ 11.30 แล้วแต่หนทางยังอีกตั้งยาวไกล 

2 กม. สุดท้ายมันช่างโหดร้ายมาก มีสองทางแยกเส้นนึงเป็นบันไดตั้งตรงสู่วัดในระยะทางที่สั้นกว่า แต่เราเลือกที่จะเดินแบบหอบๆอ้อมไปอีกทางที่ดูเข้าทีปราณีกับสังขารในตอนนี้ กว่าจะลากกายหยาบขึ้นมาได้ก็ปาเข้าไป 13.40 เจ้าหน้าที่เริ่มประกาศว่าจะปิดทำการเร็วๆนี้ ผ้าขาวม้าที่กะเอามาโพกก่อนเข้าวัดเรากลับลืมไว้ที่ห้อง แต่มีลุงคนนึงเอาเศษผ้าสีชมพูอ่อนมาโพกให้เราแทน

ภายในวัดปูพรมที่เปียกชุ่มด้วยความชื้น เราดูคนข้างๆที่สวดภาวนาแล้วเอามือแตะพื้นเราจึงทำตาม พอออกมาด้านนอกที่ทะเลสาปก็ขนลุกวาป มันสวยงามมากจริงๆด้วยความที่เพิ่งเคยเห็นทะเลสาบในที่สูงเป็นครั้งแรก น้องผู้หญิงที่กระเสือกกระสนมาด้วยกันถามว่าเรากินอะไรยัง เพราะโรงทานจะปิดแล้ว เรากับนางจึงไปเอามันบดคนละหนึ่งชามมานั่งกินตรงลานกลางแดด แต่หัวที่ปวดบวกความเหนื่อยทำให้ไม่อยากอาหารมากนัก แต่ด้วยความเกรงใจเราก็กินจนหมดชาม 

พอวัดเริ่มปิดไล่คนออกเราก็เริ่มกระดึ๊บลงบันไดไปทีละขั้น เอาจริงๆเพิ่งจะเห็นวิวทิวทัศน์ก็ตอนขาลงนี่แหละ มันมีดอกไม้ขึ้นหลากสีสันสวยงามประมาณหนึ่งเลยทีเดียว พอถึงธารน้ำแข็งเราก็ลองเอานิ้วจิ้มๆดู เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ได้สัมผัสใกล้ชิดขนาดนี้

สิ่งที่ทำให้เราฮึดสู้ได้อีกคือภาพของคุณลุง คุณป้า คุณยาย ที่ค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นและลงด้วยความตั้งใจ แม้จากสายตา พวกท่านอาจดูไม่ได้แข็งแรงมากนัก แต่ใจของท่านนั้นยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย มันเป็นพลังที่แผ่ออกมาอย่างเงียบๆ แต่เข้มแข็ง ในทุกย่างก้าวของพวกท่าน เราสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและศรัทธาที่ไม่ย่อท้อ ทำให้เรารู้ว่าไม่ว่าจะเหนื่อยรู้สึกไม่ไหวแค่ไหน ใจที่สู้ของเราก็สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้เช่นกัน

พอลงมาต่ำกว่าสี่พันเมตรเราเริ่มดีขึ้นสามารถทำเวลาขาลงได้ดีทีเดียว ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ต่างจากขาขึ้นโดยสิ้นเชิงที่ใช้ไปทั้งหมดเกือบห้าชั่วโมงเลยทีเดียว  เด็กๆลูกหาบชาวเนปาลกลุ่มใหญ่ที่เดินขึ้นมาด้วยกันเมื่อวานนี้กวักมือให้เราเข้าไปนั่งคุยในร้านที่พวกเค้านั่งกันอยู่ในระหว่างทางกลับที่พัก เราได้แต่ยกมือประกบกันไปที่ข้างแก้มส่งสัญญาณว่าบอกพวกเค้าว่าขอกลับไปนอนก่อนเพราะนี่คือสิ่งที่ชีวิตต้องการมากที่สุดในตอนนี้ เป็นอีกหนึ่งการเดินที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตจริงๆ

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
เช้าอากาศสดใส ผู้คนไปไหนหมด ถูกแล้วเค้าเริ่มออกเดินกันตั้งแต่เช้ามืด มีแต่เราที่ออกแปดโมงเช้าเพราะคิดว่า 5 กิโลเมตร แปปเดียวก็ถึง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
ม้าตรงหลังหมู่บ้าน ทางขึ้น Hemkund Sahib
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
ท้องฟ้าที่สดใส กับความสูงเกินสามพันเมตร มันคือลำแสงพิฆาต ตกเย็นผิวแสบแบบสุกจริงๆ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
พอเลยน้ำตก ก็สัมผัสได้ถึงความชัน เสียงหอบเริ่มดังเท่าเสียงน้ำตก
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
จากสามพันกว่าจนถึงสี่พันกว่ามันทำให้เราหายใจลำบาก เดินสองสามก้าวก็จะต้องหยุดหายใจ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib, Hathi Parvat, Valley of flowers
ธารน้ำแข็ง Hathi Parvat
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib, Hathi Parvat, Valley of flowers
ธารน้ำแข็ง Hathi Parvat ที่อยู่ใกล้มากจนเอามือไปแตะๆได้เลย
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib, Valley of flowers
ระหว่างที่กำลังเดินไต่ความสูงที่กว่า 4000 เมตร เริ่มปวดหัว หายใจลำบาก
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib, Valley of flowers
ระหว่างทางจะมีดอกไม้ป่า แต่หาดอกBlue Poppy ซึ่งเป็นดอกไม้ที่หายากและเป็นสัญลักษณ์ของ Hemkund Sahib ไม่เจอ
ดอกไม้นานาชนิดที่ขึ้นตามหินผา
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
พอเหนื่อย จากที่ก้มหน้าก้มตาเดิน บางทีก็ต้องหยุดหันหลังไปมองภูเขา เหมือนให้กำลังใจตัวเอง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
บันไดที่ผู้คนมักจะใช้ขาลงด้วยระยะทางที่สั้นกว่า แต่ขาขึ้นยังไงเราก็ยอมเดินอ้อมพร้อมกับมองยอดเขาที่ตั้งของวัดด้วยสายตาอันท้อแท้ อีก 45 นาทีวัดจะปิด (14.00) เราจะทันไหมน้อ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
พอขึ้นมาถึง เราก็มีเวลาเพียง 20 นาทีก่อนปิดทำการ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
ทะเลสาบ Hemkund นี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 4,633 เมตร Guru Gobind Singh ซึ่งเป็นศาสดาท่านที่สิบของศาสนาซิกข์เคยทำสมาธิที่นี่
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
Gurudwara เป็นอาคารหลักของวัด ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวซิกข์
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
จากอาคารจะมีทางออกไปยังทะเลสาบ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
นักบวชที่คอยอำนวยความสะดวก แนะนำสิ่งต่างๆให้กับผู้แสวงบุญ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
ผู้แสวงบุญมักจะอาบน้ำในทะเลสาบนี้ก่อนเข้าวัด แม้ว่าน้ำจะเย็นจัด แต่ถือว่าเป็นการชำระล้างร่างกายและจิตวิญญาณ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
ขาลงพอเงยหน้ามาก็จะเห็นวิวแบบนี้ตลอดทาง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
เสลี่ยงรับจ้าง สำหรับใครที่เดินไม่ไหว หรือการนั่งบนม้าก็ดูอันตรายเกินไป
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Hemkund Sahib
ตลอดทางเดินขึ้น ผู้แสวงบุญที่เดินสวนมาในขากลับ จะแบ่งปันลูกอม ช็อกโกแลต รวมทั้งให้กำลังใจคยที่กำลังเดินขึ้นไปตลอดทาง เหล่าผู้สูงอายุเป็นอีกหนึ่งในพลังที่ทำให้เราฮึดสู้

Day 7 : Valley Of Flowers : 10/07/2024

วันนี้ก็มาถึง! Valley of Flowers

จุดหมายไฮไลท์ที่เราเฝ้ารอจนเมื่อคืนตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ ขาที่ระบมกับเล็บเท้าที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงดั่งก้อนบลูเบอร์รี่น้อย ๆ ทำให้เรากังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า “เอาน่า ขนาดนี้แล้ว ใครจะถอย!”(ตอนแรกแอบคิดว่าจะพักเท้าสักหนึ่งวัน แต่ใจก็อยากไปเห็นทุ่งดอกไม้เร็วๆ) เราออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ก่อนเจ็ดโมงจากตัวหมู่บ้าน พอเดินไปถึงหน้าที่ทำการ ก็ชำระค่าธรรมเนียมและการตรวจเช็คกระเป๋าแบบละเอียดลออ สิ่งที่ต้องถูกยึดไปอย่างไม่มีข้อแม้คือไฟแช็คและบุหรี่  หากมีขนมขวดน้ำพลาสติก เจ้าหน้าที่จะลงบันทึกจำนวนเอาไว้ ขากลับต้องมานำแสดงที่นี่ให้ครบ ทางการจะเข้มงวดมากในเรื่องสิ่งแวดล้อม (ตลอดทางเดินเราเจอขยะเพียงชิ้นเดียว ดูทรงแล้วคงเผลอหล่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เราเลยเก็บใส่กระเป๋านำออกมา)

ทางเดินในช่วงแรกต้องผ่านป่าสนยักษ์ ทั้งดูขลังและสดชื่น ระหว่างทางมีกระต่ายตัวเล็กๆที่หูสั้นเหมือนหนูและลิงหน้าขาวที่โยนหินเล่นตรงขอบผา ทางเดินขึ้นไม่ได้รู้สึกโหดร้ายแบบเมื่อวาน แต่ก็ไกลอยู่เกือบ 4 กิโลเมตร พอเข้าที่โล่งก็เริ่มเห็นหุบเขา มันเขียวขจีแซมด้วยจุดสีจางๆ เราเอาแว่นเบี้ยวๆมาใส่พบว่ามันคือดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มท้องทุ่งจริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่ในตำนาน เพียงเพราะดอกไม้ส่วนใหญ่จะชูก้านพร้อมใบ ทำให้ภาพรวมจึงออกมาเป็นสีเขียวเสียมากกว่าในสิ่งที่เห็น

ตอนแรกนึกว่าคนจะเยอะมากมายเมื่อตีความจากตอนที่ขึ้นหมู่บ้านคงคาเรีย แต่ที่นี่กลับหาพื้นที่ความสงบแบบส่วนตัวได้ไม่ยาก ผู้คนส่วนใหญ่ไปเส้นทางแสวงบุญโดยไม่ได้มาเที่ยวทุ่งดอกไม้แห่งนี้เลย เรานั่งบนหิน ชื่นชมทิวทัศน์อยู่พักใหญ่ เท่าที่เห็นด้วยสายตาคือแค่สิบกว่าคนเองที่กระจายในพื้นที่ เราเดินมาสักพักจึงเจอป้ายว่าเริ่มเข้าเขต Valley ที่แท้จริง อ้าวนี่แค่เริ่มเองรึในใจคิด

ตลอดทางเดินกว่า 2 กิโลเมตร รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่ดินแดนสวรรค์ที่เราเคยฝันถึง ดอกไม้หลากหลายชนิดเบ่งบานเต็มไปหมด เหมือนพวกมันต่างพากันอวดโฉมความงดงามอย่างไม่มียั้ง น้ำตกที่ไหลรินกับภูเขาสูงที่ล้อมรอบ ทำให้ที่นี่ดูทรงพลังและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาในทุกอณู

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของพืชสีเขียวที่ผสมผสานกับกลิ่นดอกไม้บางชนิดในอากาศ มันช่างเป็นความหอมละมุนที่ยากจะหาคำมาอธิบาย และมีกลิ่นดอกไม้ปุยๆเหมือนกลิ่นช็อกโกแลตจางๆ ช่างน่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก เรารู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการโอบอุ้มด้วยความสุขจากธรรมชาติ ทุกย่างก้าวที่เดินไป ทำให้เรารู้ว่า ที่นี่ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่ใช่ที่ไหนไหนจะสร้างความประทับในแบบนี้ได้

พอพ้นเขตดอกไม้ที่เต็มไปด้วยความสดใส ก็เข้าสู่เขตป่าที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ไม่ทันไรเราก็เจอกับแม่น้ำสายใหญ่ที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้า (แม่น้ำ Pushpawati) ตอนแรกเราคิดว่าทางเดินคงสิ้นสุดเพียงแค่นี้ แต่ทันทีที่เราใส่แว่น ภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง จุดเล็กๆที่เห็นอยู่ไกลๆกลางแม่น้ำ มันคือดอกไม้! ความตื่นเต้นพุ่งพล่านจนแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่

เราเดินตามทางจนสุดแล้วก้าวลงไปตามก้อนหินของแม่น้ำ เพื่อสัมผัสกับดอกไม้สีชมพูเข้มที่ช่างน่ารักเกินบรรยาย พวกมันเบ่งบานกันอย่างสดใสเป็นกอใหญ่เรียงรายอยู่เต็มไปหมด เราอดไม่ได้ที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่นาน ช่วงเวลาที่ได้ชื่นชมดอกไม้เหล่านี้มันเหมือนกับการกอดความฝันที่เราเคยมีในใจ

แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เกือบบ่ายสองแล้ว เราต้องเริ่มเดินกลับ เพราะต้องไปให้ถึงตรงด่านก่อนห้าโมงเย็น แต่เมื่อเดินมาถึงเขตทุ่งดอกไม้ เหมือนเวลามันหยุดหมุน เราไม่ใช่คนเดียวที่เถลไถล หลายคนต่างยืนชื่นชมสรวงสวรรค์แห่งนี้ด้วยความอาลัย เหมือนกับว่าถ้าได้ยืนอยู่ตรงนี้อีกสักครู่หนึ่ง เราก็คงจะไม่อยากจากไปแบบอำลาแต่จะจดจำให้แน่น ชัดเจนในยามที่คิดถึงมัน

พอดอกไม้ลับขอบตาเราก็รีบลงมาด้วยสปีดแบบเชอปาลืมของ เท้าเจ็บเล็บม่วงอะไรไม่สนทั้งสิ้น เพราะความอยากบุหรี่ก็เข้ามาโจมตีอย่างไม่ปรานีในตอนนี้ เราลงมาถึงก็ขอเจ้าหน้าที่ไปแอบอัดหนึ่งตัวที่ด้านหลังก่อนมาสอบถามเรื่องข้อมูล แผนที่ที่ด้านหน้ามันดูงงๆจนคิดว่าเราพลาดทางเดินตรงอื่นไปหรือไม่ ซึ่งก็ครบหมดแล้วยกเว้นทางที่ไปหลุมศพของ Joan Margaret Legge นักพฤกษศาสตร์จากซึ่งเสียชีวิตในปี 1939 ในสถานที่นี้ขณะเก็บตัวอย่างพืชแล้วลื่นล้ม เพราะเมื่อลงไปตามทางแยกกลับพบหญ้าที่รกและเวลาก็ควรจะเริ่มออกเดินกลับได้แล้ว จึงยกมือไหว้อยู่ไกลๆ

คำพูดของ Frank Smythe ที่ว่า “It was impossible to take a step without crushing a flower” เป็นการสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์และความงามที่หาดูได้ยากของ ดอกไม้ที่บานสะพรั่งจนหนาแน่น และแทบจะไม่สามารถก้าวเดินโดยไม่เหยียบย่ำดอกไม้ได้ เป็นคำเตือนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติที่เราควรตระหนัก

แม้ว่าหุบเขาดอกไม้ที่งดงามแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักดีในหมู่ชาวบ้านท้องถิ่น แต่ Frank Smythe ได้แนะนำให้โลกรู้จักความงดงามนี้ภายใต้ชื่อใหม่ “Valley of Flowers” หุบเขานี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความงดงามและความเปราะบางของธรรมชาติที่เราต้องช่วยกันปกป้อง

การรักษาความงดงามนี้ไว้ไม่ใช่เพียงแค่การอนุรักษ์ดอกไม้หรือภูมิทัศน์ แต่เป็นการอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติที่ควรค่าแก่การส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์และงดงามเช่นเดียวกับเรา การอนุรักษ์ธรรมชาติไม่ใช่แค่หน้าที่ของใครบางคน แต่เป็นหน้าที่ของเราทุกคน เพราะธรรมชาติที่ยั่งยืนคือของขวัญที่ดีที่สุดที่เราสามารถมอบให้แก่โลกใบนี้ ความงดงามนี้จะยั่งยืนได้เพียงแค่เราตระหนักถึงความสำคัญของมันและลงมือทำเพื่อปกป้องมัน

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
วันนี้เผื่อเวลามาอย่างเต็มที่ เมื่อเจอต้นสนเก่าแก่ ก็แอบกอดขอพลังจากธรรมชาติ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
พอพ้นเขตป่าก็จะเริ่มไต่ความสูงเพื่อเข้าไปในหุบเขา
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ระหว่างทางเดิน คือ มีหมอกลงเป็นระยะ บอกเลยเดินไม่ถึงไหนสักที มัวแต่ยืนมอง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ภาพแรกที่ได้เห็นหุบเขา Valley of flowers
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
Valley of Flowers ถูกค้นพบโดยบังเอิญในปี 1931 โดย Frank S. Smythe นักปีนเขาชาวอังกฤษ ขณะเขาและเพื่อนร่วมทางหลงทางกลับมาเจอหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
นอกจากดอกไม้แล้วพืชจำพวกเฟิร์นก็หนาแน่นมาก
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ชื่อ “Queen Anne’s Lace” มาจากตำนานที่เกี่ยวกับสมเด็จพระราชินีแอนน์แห่งอังกฤษ (1665-1714) เล่ากันว่าเธอถูกท้าให้เย็บลูกไม้ที่ละเอียดที่สุด ระหว่างที่เธอกำลังเย็บ เข็มทิ่มนิ้วของเธอจนเลือดหยดลงบนผ้าลูกไม้สีขาว และจุดสีแดงเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางดอกไม้ของ Queen Anne’s Lace จึงถูกมองว่าเป็นตัวแทนของหยดเลือดนั้น

พืชชนิดนี้เป็นบรรพบุรุษของแครอทที่เรารับประทานในปัจจุบัน
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ตามตำนานในศาสนาฮินดู หุบเขา Valley of flowers นี้เคยเป็นที่พำนักของเหล่าทวยเทพ และดอกไม้ในหุบเขานี้เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของพรจากพระเจ้าที่มอบให้แก่ผู้ศรัทธา
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
มีผู้คนจะมานั่งสมาธิในหุบเขานี้ เชื่อกันว่าหุบเขานี้มีพลังแห่งการรักษาและความสงบที่สามารถช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ บรรยากาศคือดีมาก เรานั่งฟังเสียงลม เสียงน้ำ เสียงนกร้อง มีความสุขมากจริงๆ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
มีดอกไม้กว่า 600 สายพันธุ์ที่เบ่งบานใน Valley of Flowers ซึ่งหลายสายพันธุ์เป็นดอกไม้หายากและมีความสำคัญทางยาสมุนไพร
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
Marsh Willow เป็นพืชที่สะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติที่สามารถปรับตัวและอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายที่สุด มันเป็นเครื่องเตือนใจถึงความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งที่ธรรมชาติมีอยู่ในตัวเอง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
Spiraea betulifolia เป็นที่ชื่นชอบของผึ้งและผีเสื้อ ทำให้พืชชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบนิเวศโดยการดึงดูดแมลงที่มีประโยชน์
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
Moss campion ที่จะพบในเขตหนาวเท่านั้น
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
Silene vulgaris หรือ Bladder campion
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
Polygonum cognatum Meisn
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
และตรงนี้เป็นอีกหนึ่งที่ที่เราชอบมากที่สุด ดอกไม้ที่ขึ้นตรงแม่น้ำ ที่มองตอนแรกไม่นึกว่าเป็นดอกไม้
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
 Fireweed หรือ River Beauty ที่ขึ้นเป็นหย่อมๆตรงแม่น้ำ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers, แม่น้ำบุปผาวตี
แม่น้ำบุปผาวตี ชื่อดีจัง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria, Valley of flowers
ขยะที่เราเจอตกอยู่เพียงชิ้นเดียว เราเอามาทิ้งถึงเมือง Rishikesh เลยทีเดียว เพราะลืมไว้ในกระเป๋าหลังกางเกง
แผนที่ Valley of flowers ที่หน้าที่ทำการ ดูแล้วงงจริงๆ แต่ยอมรับเลยว่าที่อุทยานมีการจัดการที่เรียบง่ายแต่เข้มงวด และได้ผลเป็นอย่างดี

Day 8 : Ghangaria – Govindghat – Auli : 11/07/2024

ในเช้าวันที่เราเช็คเอาท์จากที่พัก คุณลุงเจ้าของพูดอวยพรขอให้โชคดี แกน่ารักมากจริงๆ ชอบเดินมาถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง วันนี้มีความสุขไหม แม้ภาษาอังกฤษของแกจะไม่ค่อยแข็งแรง แต่แกก็พยายามมาคุยกับเราเสมอ ที่พักนี้เราว่าโอเคเลย คุณลุงแกใจดี ลดราคาให้เหลือเพียง 1000 รูปีสำหรับการพักคนเดียว ที่จริงเราแอบเห็นว่าที่พักอื่นอาจจะสะดวกกว่านี้หน่อย แต่ที่นี่ก็เงียบสงบสบายใจกว่าอย่างชัดเจน (ชื่อที่พักคือ Holiday Inn อยู่เกือบสุดหมู่บ้านเลย)

เช้า 07:30 น. ยุพราช ลูกหาบผู้มีรอยยิ้มละมุนก็กลับมารับเราตามนัด เค้าและเพื่อน ๆ รอกันอยู่ที่หน้าโรงแรม บางคนตะกร้ายังว่างเปล่าอยู่ไม่มีลูกค้า เราถ่ายรูปป้ายภาษาฮินดีเกี่ยวกับค่าลูกหาบไว้ตั้งแต่เมื่อวาน พยายามแปลแบบเดาๆ ว่าค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1800 รูปี รวมค่าธรรมเนียม 100 ค่าที่พักและอาหาร 600 แต่เมื่อวานน้องเค้าคิดเราแค่ 1100 รูปี (จริง ๆ แล้วเราให้มากกว่านั้น แต่ก็ไม่ถึง 2500 รูปีอยู่ดี)

กลางทางเราเจอกับ คุนาล ไกด์เดินป่าที่พาลูกทัวร์มา เค้าทักทายเราตลอดสามวันบนภูเขา และมักจะช่วยแปลบทสนทนาระหว่างเรากับ ยุพราช อยู่บ่อยครั้ง เราจึงถามเค้าว่าราคาเสลี่ยงจากหมู่บ้านคงคาเรียไป Hemkund Sahib จะตกอยู่ที่ 15000 รูปี

พอมาถึงด้านล่าง เราก็จ่ายเงินเต็มจำนวนที่เค้าควรได้รับ น้องเค้าทำท่าเหมือนมันเยอะเกินไปสำหรับกระเป๋าใบเดียว แต่เราก็ตอบว่าไม่เป็นไร เพราะเราเป็นลูกค้าคนเดียวของเค้าในขาที่ลงมา

เมื่อถึง Govindghat เพื่อจะต่อรถกลับ Joshimath เราหิวจนแทบทนไม่ไหว แต่เห็นฝูงแมลงวันที่เกาะตามที่ต่าง ๆ แล้วทำใจไม่ได้จริง ๆ พอมาถึงเมือง Joshimath ด้วยแชร์แท็กซี่ เราก็หมดแรง ตอนแรกคิดว่าจะลองขึ้นกระเช้าไปยอด Auli ที่เป็นเมืองตากอากาศสำหรับเล่นสกี(จริงๆช่วงนี้ปิดเพราะนักท่องเที่ยวน้อย) แล้วค่อยหาที่พัก แต่ด้วยความหิว เลยถอดใจนั่งแท็กซี่ขึ้นไปยังที่พักแทนการนั่งกระเช้าแทน

ที่พักชื่อ Aaryam Resort มีห้องพักหลายแบบ แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างยอดเขาและข้างล่าง ราคาจึงไม่แรงมาก เราถามราคาห้องพักแบบมีระเบียง แต่พี่เจ้าของใจดี ให้เราอัพเกรดเป็นกระท่อมที่ราคาสูงขึ้นแต่จ่ายเท่าห้องธรรมดา(3000รูปี) ภายในห้องบุด้วยไม้สน เตียงมีผ้าปูขาวสะอาดปราศจากกลิ่นคนที่พักก่อนหน้า วิวภูเขาที่มองเห็นได้ทั้งจากเตียงและห้องนั่งเล่น

เราตัดสินใจเลือกที่พักดีหน่อย เพราะได้ข่าวว่าถนนทางกลับ Rishikash ยังปิดอยู่ และที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ใช่เงินไปสักเท่าไหร่ เราจึงเลือกที่จะพักอยู่แถว Auli นี้ยังไม่เดินทางไปไหนสักสองคืน ถ้ารู้ข่าวก่อนหน้า เราคงจะอยู่ที่ Valley of Flowers อีกวัน เพราะตอนนี้คือคิดถึงที่นั่นอยู่ตลอดเวลาจริงๆ

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
Holiday Inn ที่ Ghangaria อาลัยจริงๆที่ต้องกลับ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Govindghat, Ghangaria
คุณลุงที่คอยถามเราว่าวันนี้มีความสุขไหมอยู่ทุกวัน
Youbraf กับ Kunal ไกด์ท้องถิ่นที่จะเดินเจอกันตลอด เราได้ข้อมูลดีๆจากเค้าในสองสามวันที่ผ่านมา
เราลองแบกตะกร้าที่ยุพราชใช้งานอยู่ทุกวัน มันหนักจนปวดหัวเลยจริงๆ
Ghangaria ที่ซ่อนอยู่ในหุบเขามองจากเพื่ออำลา ตรง Govindghat
Aaryam Resort
Aaryam Resort ที่ Auli
Aaryam Resort
ห้องนั่งเล่น Aaryam Resort ที่ Auli

Day 9 : Auli : 12/07/2024

จากที่พักระหว่างเมือง Joshimath กับ Auli บนยอดเขา เราต้องนั่งแท็กซี่ขึ้นไปที่สกีรีสอร์ต เพื่อที่จะเดินป่าไปยัง Gorson Bugyal ซึ่งจะเป็นลานทุ่งกว้างมองเห็นวิวยอดเขาหลายๆลูกในระแวกนี้

ด้วยความหวังที่จะนั่งเก้าอี้เลื่อนขึ้นไปบนยอดก็ต้องปัดตกไป คุณลุงที่ดูแลแกบอกว่าวันนี้ไม่มีคนเลยเพราะถนนถูกปิด หลังจากที่เรานั่งรออยู่สักพัก ถ้าจะขึ้นได้ต้องมีสี่คนขึ้นไป ลุกแกบอกให้เดินตรงทางหญ้าที่เป็นลานสไลด์ขึ้นไปเองจะดีกว่า พอพ้นตรงส่วนนี้จะเจอกับสถานีเคเบิ้ลคาร์ที่ตอนนี้ก็ปิดทำการด้วยเช่นกัน ข้างๆจะมีอาคารเล็กๆของที่ทำการอุทยาน มีป้ายบอกเตือนอยู่หลายเรื่อง อันนึงที่ทำให้รู้สึกงานเข้านั่นก็คือ ห้ามเดินเข้าไปคนเดียว จะต้องมีไกด์ท้องถิ่นเข้าไปด้วย เราคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่นาน เพราะข้อมูลที่ได้จากการดูยูทูปภาษาฮินดี ก็มีแต่พ่อหนุ่มเดินๆถือโกโปรเข้าไปดุ่ยๆคนเดียว

เจ้าหน้าที่แกบอกจะให้ติดต่อหาไกด์ให้ไหมแต่ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 2000 รูปี เราได้แต่สลดในราคา แกเลยถามว่ามีเข็มทิศไหม ในทริปนี้เราเอาติดมาด้วยแต่ไม่เคยได้ใช้งาน แกให้เราหยิบมาแล้วสอนให้ดูทั้งขาไปและกลับ ดูแกตื่นเต้นกับเข็มทิศ ที่วัดอุณหภูมิและนกหวีดที่รวมอยู่ในชิ้นเดียวกันอยู่ไม่น้อย

พอเริ่มเข้าเขตป่า เราก็ตื่นเต้นหันรีหันขวาง ต้นไม้ที่มีมอสเกาะหนา พร้อมบรรยากาศอึมครึมมันทำให้ดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย นอกจากทางหลักแล้วในป่ายังดูมีทางที่เหมือนจะเดินให้หลงได้อยู่อีกหลายเส้น ไม่ว่าจะเป็นน้องวัวที่เล็มหญ้า หรือทางน้ำที่แห้งลงจนดูเหมือนเป็นเส้นทางคนเดิน 

ความเงียบของป่าถูกทำลายด้วยเสียงร้องของสัตว์ มันโหยหวนเหมือนไดโนเสาร์ในหนังเรื่อง จูราสสิคพาร์ค จนทำให้เรากลัว เราหยุดเดินพร้อมมองไปรอบๆ ในใจนึกถึงป้ายเตือนให้ระวังหมีขึ้นมาทันใด สักพักได้ยินเสียงคำรามที่โหยหวนอีกครั้ง แต่มันมีเสียงกระพรวนแทรกอยู่ด้วยจางๆ เลยทำให้นึกถึงเจ้าน้องวัวที่เห็นอยู่ตามรายทางสโลป คงเป็นพวกมันนั่นเอง เสียงวัวตัวผู้หง่าวจากที่กลัวกลายเป็นเหงาขึ้นมาแทนทันที (คิดถึงทุ่งดอกไม้)

พอผ่านมาได้ก็พบกับทุ่งกว้างที่มีดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มเต็มไปหมด มันดูสดใสสวยงามกว่าตรงลานสไลด์ที่มีดอกไม้น้อยชนิดอยู่มากมาย เหมือนที่นี่ในหนึ่งตารางฟุตจะมีความหลากหลายสายพันธุ์และสีสันมากกว่า อย่างกับมีคนเอาดอกนู้นดอกนี้มากำรวมกันแล้วปลูกลงไป

เนินหญ้าที่นี่ดูแปลกๆ มันไม่ได้เป็นสโลปอย่างหุบเขาแบบ valley แต่กลับสูงๆต่ำๆจนเราคิดว่ามันเหมือนสนามกอล์ฟอยู่ไม่น้อย ดอกไม้ที่นี่ต้นจะไม่สูงและไม่ได้แบ่งแยกโซนการเติบโตเหมือน Valley of flowers จากที่คิดว่าอยากมาดูทุ่งหญ้าพร้อมยอดเขา แต่กลับเจอดอกไม้มากมายจนต้องตกตะลึง มันทดแทนการที่เมฆหมอกบดบังวิวยอดเขาอื่นๆหลังเนินจนมิดอย่างสิ้นเชิงได้เป็นอย่างดี กลิ่นที่นี่ไม่ได้สดชื่นเหมือนที่ valley เพราะอบอวลไปด้วยกลิ่นขี้วัว เรานั่งเล่นอยู่สักพักใหญ่จึงเดินกลับ 

เจ้าหน้าที่ยืนกวักมือเรียกให้เห็นตั้งแต่ระยะไกล เรารีบเดินไปขอบคุณเค้าอีกทีที่ให้เราเข้าไปทั้งๆที่ผิดกฎ ก่อนจากกันเราเลยให้เข็มทิศเค้าเป็นการตอบแทน ดูแกดีใจใหญ่เหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ ตอนเดินลงเราเห็นเก้าอี้มันเริ่มเลื่อนเคลื่อนไหว มีนักท่องเที่ยวกลุ่มนึงกำลังนั่งอยู่ส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนาน เราได้แต่ก้มหน้าเดินลงเนินไปด้วยความหิว เพราะกะว่าจะเที่ยวที่นี่ไม่นานแต่ก็ทำให้เลยเวลาอาหารจนเกือบปิดทำการ (บ่ายสามโมง) พอกลับถึงที่พักฟ้าก็เปิดเห็นยอดเขาสูงที่รายล้อม จิตใจเศร้าๆเพราะจะต้องเดินทางออกจากที่นี่ในวันพรุ่งนี้ (และยังคิดถึงทุ่งดอกไม้อยู่ด้วย)

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
หวังจะนั่งเก้าอี้เลื่อนครั้งแรก แต่ด้วยความที่นักท่องเที่ยวน้อย ต้องมีสี่คนขึ้นไป เราเลยอด
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
คุณลุงบอกให้เดินบนหญ้านี้ขึ้นไปเองเลยจะดีกว่า
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
ระหว่างทางก็มีดอกไม้ขึ้นตลอด
สถานีรถกระเช้า ที่ตอนนี้ก็ปิดทำการเช่นกัน
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
จริงๆที่นี่ก็น่ารักดีนะ ถ้าไม่ได้ไปที่ Valley of flowers ใจคงเต้นตูมตามมากกว่านี้
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
ระหว่างทางตรงเส้นกระเช้าจะมีดอกไม้อยู่แค่ไม่กี่ชนิด
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
พอเข้าเขตป่ามันดูมีมนต์ขลัง หมอกที่ลงหนายิ่งทำให้น่ากลัวมากขึ้นไปอีก
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
มอสเฟิร์นที่ขึ้นหนาทำให้สวยงามดี
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
ป่าก็ดูสวยดี แต่บางที่ก็วังเวง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
วัดเล็กๆชื่อ Padiyar devta ระหว่างทางในป่า
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
พอออกจากเขตป่าทึบก็จะเห็น Gorson Bugyal ที่เป็นหุบเขาเปิดโล่ง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
ดอกไม้ที่นี่ต้นเตี้ยๆน่ารักดีกระจายอยู่เต็มท้องทุ่ง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
ทุ่งหญ้าอัลไพน์ในภูมิภาค Garhwal มีความสำคัญทางวัฒนธรรมสำหรับชนเผ่าพื้นเมือง พวกเขามักจะใช้พื้นที่นี้สำหรับการเลี้ยงสัตว์และเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
Gorson Bugyal ที่นี่จริงๆก็น่ารักดีนะ เพียงแต่…..ใจคิดถึงแต่ยุ..เอ้ย.. Valley of flowers ตลอด
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli, Gorson Bugyal
เสียดายที่หมอกลงจนทำให้ไม่เห็นภูเขาหิมะข้างหลังเลย
Auli ski resort ที่หน้าหนาวคนจะมาพักเพื่อเล่นสกีกัน

Day 10 : Auli – Devprayag – Rishikesh : 13/07/2024

ช่วงเช้าเราเรียกแท็กซี่ให้มารับจากที่พัก Auli ให้มาส่งที่ท่ารถใน Joshimath เพื่อไปเมือง Rishikesh แต่เวรกรรมรถเที่ยวต่อไปสองช่วงเวลาคือเต็มเหยียด เต็มในที่นี้คือยืนก็เต็ม แชร์แท็กซี่ก็เต็มด้วยเช่นกัน เนื่องจากถนนเพิ่งเปิดทำให้ผู้โดยสารตกค้างมีอยู่มากมาย  

เราเดินงงๆอยู่ว่าเอาไงดีกับชีวิต ไปเจอกับคุณน้าที่ลงมาส่งเราที่ยังเตร่อยู่แถวนั้นพอดี เราเลยลองถามว่าเหมาไป Rishikesh ไหวไหม น้าแกทำท่าบอกให้รอแล้วกดโทรศัพท์ ปลายสายเป็นเสียงสุภาพสตรีที่ภาษาอังกฤษดีมากอยู่ปลายสาย นางเป็นลูกสาวเป็นห่วงคุณพ่อที่ต้องขับรถไกลแต่ก็ตกลงราคากันจบลงที่เมือง Devprayag ที่ถึงก่อน Rishikesh นางย้ำว่าบอกให้พ่อนอนค้างไม่ต้องขับกลับมาในวันนี้ (5000รูปี)

ตลอดทางคุณน้าแกพยายามเป็นสะพานเชื่อมให้ลูกสาว แกบอกว่าลูกแกสวยมากนะ พร้อมส่งโทรศัพท์ให้ดูรูป ระหว่างทางลูกสาวโทรมาด้วยความเป็นห่วง แกก็คอยส่งโทรศัพท์มาให้คุยตลอดทั้งๆที่เราไม่รู้จะคุยอะไร คุณน้าไม่รู้อะไรซะแล้ว ภายในเราสวยกว่าลูกคุณน้าอีก เพียงแต่ตอนนี้ภายนอกทั้งเหี่ยวเกรียมแดด แถวแขนข้างขวาก็แสบแดงเตรียมลอกคราบอย่างเต็มที่

Devprayag เป็นเมืองที่น่าทึ่ง แม่น้ำอลคนันดาและแม่น้ำภาฆีราถีไหลมาบรรจบกันกลายเป็น “แม่น้ำคงคา” ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตามตำนานฮินดูกล่าวว่า พระภาฆีราถได้นำแม่น้ำคงคาลงมาจากสวรรค์เพื่อชำระล้างบาปของบรรพบุรุษ และการรวมตัวของแม่น้ำทั้งสองสายที่ Devprayag จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแม่น้ำคงคา

เมื่อเรานั่งแท็กซี่มาถึงก็พบความผิดหวัง โรงแรมสามสี่แห่งปฏิเสธไม่ให้คนต่างชาติเข้าพักได้ พนักงานคุยกับคนขับแท็กซี่อยู่นานแต่หันมาบอกเราสั้นๆว่าห้องเต็ม ทั้งๆที่มันดูเหงาและร้างอย่างเห็นได้ชัด เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนไปเมือง Topovan ใกล้ๆ Rishikesh แต่ขอแวะลงไปที่แม่น้ำก่อนสักหนึ่งชั่วโมง

การเดินลงไปที่ท่าน้ำทำให้จิตใจเริ่มเบิกบาน สีสันของตึกบางแห่งที่สดใสปนกับความเก่ากรัง มันช่างถูกจริตเรามากจริงๆ แต่เมื่อถึงท่าน้ำ กระแสน้ำแรงที่ไหลม้วนกระแทกเข้ามาทำให้เรารู้สึกหวาดหวั่น คนไม่กี่คนลงจุ่มในแม่น้ำ นอกนั้นก็ใช้ถ้วยตักน้ำราดหัว เจ้าหน้าที่คอยกำกับดูแลและเป่านกหวีดเตือน เราเปลี่ยนมาใส่ขาสั้นเตรียมจุ่มน้ำอย่างเต็มที่ตั้งแต่ในรถ แต่สุดท้ายก็แค่ตักน้ำราดหัว มือกำราวบันไดไว้อย่างแน่นด้วยความกลัว

สักพักเจ้าหน้าที่ก็เป่านกหวีดให้ทุกคนขึ้นมาบนฝั่ง ไม่รู้ว่าเกิดสัญญาณอันตรายอะไรขึ้น เราจึงเดินเล่นต่อในเมือง ผู้คนที่นี่น่ารักและใจดีมาก พวกเขาพูดคุยและถามไถ่เราตลอดทั้งๆที่คุยกันไม่รู้เรื่อง นอกจากความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำ ที่นี่ยังมีตำนานที่น่าสนใจ เช่น ตำนานของพระนารายณ์ที่ได้ทำพิธีกรรมชำระบาปที่นี่ และวัดรามจูล่าและวัดชรีรางค์ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ ทำให้ที่นี่ไม่เพียงแค่เป็นจุดหมายสำหรับนักแสวงบุญ แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่มีสีสันอรรถรสแบบอินเดียอย่างเต็มที่ เสียดายที่ไม่ได้ค้างคืน บรรยากาศตอนเช้าที่นี่คงจะสวยงามมากเลยทีเดียว

พอรถมาถึง Topovan ก็งงมากกับความเจริญของที่นี่ จนมีซาวด์แทรค “ฉันมาทำอะไรที่นี่” ดังเข้ามาในหัว ถนนสายหลักเหมือนพัทยา พอเข้าซอยย่อยมาเหมือนข้าวสารหรือดงหอพักแถวราม ตัดสินใจถูกไหมเนี่ยที่ไม่ได้ไปนอนที่ Rishikesh แต่ราคาที่พักใน Topovan ก็ถูกกว่าเยอะมาก โรงแรมที่หมายตาไว้เมื่อรถมาส่งก็หลอกดาวแถมราคาแพงกว่าที่หาข้อมูลไว้มากเหลือเกิน เราต้องเดินหาโดยเดินเข้าไปในซอยที่แคบและเงียบสงบกว่า

เราเริ่มจินตนาการตัวเองว่าเป็นจูเลีย โรเบิร์ตใน Eat Pray Love ที่จะหาอาศรมเล็ก ๆ น่ารักนอนพักผ่อนเพื่อค้นหาความสงบภายในจิตใจ เพราะต้องอยู่เมืองนี้ถึง 4 คืน แต่ด้วยความที่ติดบุหรี่จัดจึงขอพับเก็บโครงการไปก่อน หาที่พักที่เราไม่รบกวนคนอื่นจะดีกว่า โรงแรมหลายแห่งตอนที่ค้นหา หลายที่สภาพคือถูกถ่ายไว้สมัยตึกยังเอ๊าะๆสร้างเสร็จใหม่ๆซิงๆ หรือไม่ก็รีทัชสิ่งแวดล้อมรอบๆเสียจนเราจินตนาการว่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างโดดเดี่ยว เดินไปเดินมาจาก จูเลียโรเบิร์ต แต่แท้จริงแล้วกลับพบว่า…แกคือเหล่าป้าๆใน The Best Exotic Marigold Hotel ที่ต้องจัดการกับชีวิตหลังเกษียณ ที่กำลังมองหาที่พักราคาถูกแบบปานกลางกับข้อแม้บ้าๆบอๆเฉพาะตัวแล้วโดนหลอก จนมาเจอ Punyah Residency ที่ค่าที่พัก 1500 รูปี แต่สะอาดและเงียบสงบใช้ได้เลยทีเดียว ถึงวิวจากห้องจะเป็นตึกที่กำลังก่อสร้างแบบครึ่งๆกลางๆก็ตามที

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
วิวหิมาลัยจาก Aaryam Resort ที่เรานั่งมองจนค่ำในคืนสุดท้ายเพื่อเป็นการล่ำลา
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Auli
ได้แต่มองไปไกลๆตรงยอดเขา ไม่รู้ชีวิตนี้จะได้มาในขณะที่ยังมีแรงทำในสิ่งที่อยากทำเช่นครั้งนี้อีกหรือเปล่า
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Devprayag
ลุงคนขับผู้ใจดี เราตัดสินใจเหมาแท็กซี่ไปเมือง Devprayag เหตุแรกเพราะรถบัสเต็มแน่นมาก แต่เหตุหลักๆคือเราอยากแวะเที่ยว Devprayag ด้วย ไม่อยากแค่ชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างเมื่อรถผ่านเพียงอย่างเดียว
Devprayag ถูกเรียกว่า “Tirathraj” หรือ “ราชาแห่งสถานที่แสวงบุญ” โดยเป็นหนึ่งในห้าจุดรวมแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ (Panch Prayag) ในแคว้น Uttarakhand ซึ่งมีความสำคัญในด้านศาสนาอย่างยิ่ง
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Devprayag
Devprayag มาจากคำว่า “Dev” ที่หมายถึงเทพเจ้า และ “Prayag” ที่หมายถึงจุดรวมของแม่น้ำ
เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Devprayag
วัด Raghunathji ใน Devprayag เป็นวัดที่มีความสำคัญทางศาสนาและเป็นที่บูชาของพระราม 
หิน Raghunath Shila มีความเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่พระราม (Rama) ได้ทำสมาธิและทำการบูรณะเมือง Devprayag หลังจากที่ท่านสังหารอสูร Ravana การนั่งสมาธิของพระรามบนหินนี้ทำให้หินนี้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คุณป้าผู้ยิ้มหวาน ให้เรายืมเหยือกในการตักน้ำที่แม่น้ำมาราดหัว

ภาพสีสันของเมืองที่เราว่าสวยดี เดินเล่นเพลินตามทางเดินเล็กๆที่ค่อยๆไต่ระดับลงไปที่แม่น้ำ

Aghori มักเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมรณะและการเกิดใหม่ พวกเขามองว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรแห่งชีวิตและไม่ได้หลีกหนีหรือกลัวความตาย

น้ำของ Alaknanda มักจะมีสีฟ้าหรือสีเขียว ในขณะที่น้ำของ Bhagirathi มีสีเข้มกว่า

น้ำไหลแรงมากจริงๆ หลังจากถ่ายภาพนี้เจ้าหน้าที่ก็เป่านกหวีดให้ทุกคนขึ้นมาจากน้ำ
พอถึง Topovan เราก็เดินมาตามซอยเล็กๆเพื่อหาที่พัก เดินหนีให้ใกล้จากถนนใหญ่ให้มากที่สุด

Day 11 -14 : Rishikesh : 14-17/07/2024

ในตอนเช้าได้เดินสำรวจตรอกซอกซอยที่ไม่ใช่ย่านที่พัก ก็พบกับตึกเก่าและอะไรที่น่ารักมากมาย โดยเฉพาะ วัด Shri Saccha Akhileshwar Mahadev (เปิดเป็นที่พักด้วย) ที่ใช้สีสันได้สดใสสะใจดีจริงๆ วันนี้ยังสำรวจอะไรมากไม่ได้มาก เพราะสะพานที่ปิดซ่อมหนึ่งในสามแห่งทำให้การข้ามไปมาค่อนข้างยากลำบาก อากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้เหงื่อที่เหมือนอั้นมานานจากบนภูเขา ออกมาจนตัวเปียกชุ่มเหมือนจุ่มน้ำเลยทีเดียว

เรานั่งรถสามล้อแชร์ที่ะรอนานมากกว่าจะออก (50รูปี) เพื่อมาอาศรม The Beatles ที่เมือง Rishikash กับราคาค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ 1200 รูปี มันแพงจนเราต้องหายใจลึกๆ แล้วบอกตัวเองว่า “เดี๋ยวมันก็คุ้มเองแหละ!” ด้วยภาพที่เห็นเป็นอาคารน่ารักรูปไข่ไก่ที่ประดับด้วยหินแม่น้ำเราว่ามันน่ารักดี พอได้บัตรเราก็ใส่หูฟังเปิดเพลงอัลบั้ม White ของ The Beatles เพื่อให้ฟิลมันมา เพราะที่นี่เป็นที่พวกเค้าได้แต่งเพลงมากมายโดยเฉพาะอัลบั้มดังกล่าว เรียกได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องเป็นการเดินทางทางจิตวิญญาณที่ทำให้เราได้สัมผัสพลังแห่งดนตรีและธรรมะที่หลอมรวมกัน… หรืออย่างน้อยก็คือสิ่งที่เราหวังไว้น่ะนะ

เริ่มด้วย Happiness is a Warm Gun ฟังแล้วถึงกับเดินสะดุด มันใช่เหรอฟะ อะอะเราอาจจะเข้าไม่ถึงในการเปรียบเปรย ความรู้สึกพอใจและพลังที่ได้รับจากการถือปืนที่เพิ่งถูกยิง เอาใหม่เอาเพลงอื่น ไม่สนเนื้อร้องละ เอาทำนองอย่างเดียวละกัน ฟังออกมั่งไม่ออกมั่ง เดี๋ยวอาศรมเค้าปิดกันพอดี

ตึกที่นี่สวยดีจัง โดยเฉพาะส่วนที่ทำเป็นเหมือนถ้ำไข่ มันมีขนาดเล็กน่ารักจนเหมือนทำให้คนแคระอยู่ ความรุ่งเรืองในอดีตที่เหลือแค่เศษซากทำให้เราจินตนาการไปว่าตอนที่นี่ยังมีความมีชีวิตชีวาจะเป็นยังไงบ้าง ป้ายทางเข้าได้บอกถึงที่นี่เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่อนุรักษ์เสือและช้างป่า ข้อพิพาททางกฎหมายจึงทำให้ที่นี่รกร้างไป

การมาเยือนของ The Beatles ไม่เพียงแต่ทำให้สถานที่นี้เป็นที่รู้จักทั่วโลก แต่ยังทำให้ Rishikesh กลายเป็นศูนย์กลางของโยคะและการฝึกสมาธิสำหรับชาวตะวันตก ในเมืองมี Yoga Stay และที่ฝึกศาสตร์ตะวันออกหลายแขวงไม่ว่าจะสมาธิ การใช้เสียงบำบัดและอื่นๆอีกมากมาย

สิ่งที่น่าชมใน Rishikesh นอกจากวัดแล้ว ก็จะเป็นอาศรมต่างๆ ที่ก่อสร้างได้อย่างสวยงามและแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ผู้คนที่มาจากทั่วทุกมุมโลก มาอยู่อาศัยเรียนรู้ทั้งการทำสมาธิ สวดมนต์ อารตี ศึกษาทางด้านอายุรเวช หรือการสื่อสารกับธรรมชาติและการท่องโลกจากภายใน มันทำให้เกิดบรรยากาศที่พิเศษมากจริงๆ 

ทุกเย็นของทุกวัน เราจะมานั่งเข้าพิธีบูชาพระแม่คงคา ไม่ว่าจะเป็นท่า Parmarth หรือ Shatrughana แต่ขอบอกเลยว่าที่สนุกที่สุดต้องยกให้ Triveni Ghat นี่แหละ! เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่พิธีบูชาแบบธรรมดา แต่เป็น EDM แห่งวงการบูชาเลยทีเดียว! พิธีที่นี่ฮอตฮิตขนาดที่คนท้องถิ่นต้องมากันแบบแน่นเอี้ยด

เรามาถึง ทริเวณี ก่อนห้าโมงเย็น บริเวณท่าน้ำดูคึกคักกว่าที่ไหนๆที่เคยไปมา โดยเฉพาะเด็กๆ หาดทรายที่กว้างและโค้งน้ำ มันทำให้เกิดกระแสน้ำที่แรงแต่ไม่น่ากลัว จึงทำให้ผู้คนลงมาเล่นน้ำกันมากกว่าจะแค่มาจุ่มตัวอาบน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่ยังเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำสามสายที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำคงคา (Ganga), แม่น้ำยมุนา (Yamuna), และแม่น้ำสรัสวตี (Saraswati) ซึ่งตามความเชื่อฮินดู การชำระร่างกายที่จุดนี้คือการล้างบาปแบบพิเศษ ล้างแบบหมดจดกว่าเดิมเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ

พอพิธีใกล้เริ่มผู้คนต่างเข้ามานั่งพื้นที่ด้านในจนเต็มล้น พอบทสรรเสริญเริ่มขับขานก็มีคุณลุงคนนึงลุกขึ้นมาร่ายรำด้วยท่วงท่าเยี่ยงสตรี ไฟบนโคมถือถูกจุดขึ้น ผู้คนเริ่มลุกขึ้นยืน มือที่ตบเข้าจังหวะกลายเป็นชูขึ้นสูง เมื่อไฟดับลงแต่อารมณ์ผู้เข้าร่วมกลับพุ่งทะยานขึ้น ต่างตะโกนบทสวดพ้อมกระโดดเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ผู้คนดูมีความสุขกันมากจริงๆในสถานที่แห่งนี้ เมื่อการสวดได้จบลง เรายังอ้อยอิ่งอยู่ที่ท่าน้ำ หลายครอบครัวยังคงมาลอยดอกไม้หรือเล่นน้ำกันอยู่ บ้างซื้อของกินหรือขนม ของเล่นมาล้อมวงกันตรงท่าน้ำ พอเริ่มมืดผู้คนก็ทยอยเดินออกที่ต้องผ่านตลาดซึ่งส่วนใหญ่จะขายเสื้อผ้าเครื่องประดับ มันดูคึกคักมีชีวิตชีวามากๆจริงกับท่าน้ำแห่งนี้

เมื่อถึงวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ในอินเดีย เราก็กะไม่ได้ทำอะไรมากมาย แค่เดินเล่นแถวๆที่พักก็เพียงพอ ตอนเช้าที่ฝนตกพรำมันทำให้เกิดละอองหมอกที่แม่น้ำ ตอนนั่งรถเห็นแบบนี้ตลอดทางแต่ไม่มีโอกาสได้มาดูใกล้ๆแบบนี้ เป็นภาพแม่น้ำคงคาที่สวยที่สุดตลอดสี่วันที่อยู่ที่นี่

Rishikesh เป็นเมืองใหญ่ที่เราว่าแบ่งโซนค่อนข้างชัดเจน ในเขตโบราณมันดูมีมนต์ขลังและมีสเน่ห์อยู่มาก ในโซนที่เราอยู่จะเป็นโซนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักแถว Tapovan (ฝั่งตรงข้ามถ้าสะพานซ่อมเสร็จเราว่าสงบเงียบดีกว่าเยอะแถว Lakshman Jhula) เราว่ามันแปลกๆตั้งแต่มาถึง จริตของบรรยากาศจะพยายามเข้าหาธรรมชาติศาสตร์แห่งท้องถิ่นแต่มันก็ไม่ใช่ นักท่องเที่ยวยังจะอยากใช้ความเคยชินมาแสวงหาแบบปลอมๆโดยใช้สถานที่เพียงแค่นั้น (คนที่มาด้วยความตั้งใจก็มีอยู่เยอะ)เนื้อสัตว์และแอลกอฮอล์สามารถหาได้ไม่ยากในย่านนี้ ใครจะหาที่พักก็ให้ลองสอบถามให้แน่ใจหรืออ่านรีวิวให้ดีๆ บางแห่งรูปเหมือนพระราชวังแต่ของจริงคือตึกถ้ำที่น่ากลัว ภาพที่สร้างกับร่างที่เป็นมันต่างกันมากจริงๆ

ทุกเช้าระหว่างนั่งกินอาหารที่ร้านหน้าที่พัก เรามักเจอผู้ชายฝรั่งคนหนึ่งอายุ 23 ที่เล่าให้ใครต่อใครฟังว่าเขามาที่นี่เพื่อเรียนรู้และกลับไปเปิดศูนย์ Wellness ที่เกาะเต่า ฟังดูน่าทึ่งใช่ไหม? แต่นี่คือจุดที่มันเริ่มไม่ค่อยเข้าท่า เพราะโยคะก็ไม่เคยเล่น อะไรก็ไม่เคยทำมาก่อน แต่เขากลับพูดซ้ำๆ เรื่องเดิมกับทุกคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ จนเรารู้สึกป่วยแทน ยิ่งพอเขาบอกว่าจะเรียนรู้เพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ นี่สองวันเข้าไปแล้วพ่อคุณยังไม่เห็นไปไหนเลย ความรู้สึกเหมือนโดนมะนาวบีบใส่แผลสด มันช่าง… อืมม… วิเศษไปอีกแบบจริงๆ! ใครจะใช้บริการที่เกาะเต่าในอนาคตคงต้องระวังกันหน่อย

บาบา โยคี โยคาจารย์ มีมากมายในย่านนี้ ซึ่งป้ายโฆษณาทั้งหลายมีศาสตร์หลายแขนงให้ได้เรียนรู้ ตั้งแต่การบำบัดด้วยเสียง การหัวเราะ ไล่มนต์ดำ หรืออะไรแปลกๆอีกมากมาย หลายที่รูปที่ใช้ก็ซ้ำๆกันจากอินเตอร์เนต รวมทั้งสปา ร้านอาหารด้วยก็ตามทีเหมือนเป็นกับดักนักท่องเที่ยวอยู่เหมือนกัน สอบถามกับเจ้าของร้านอาหารเช้าที่เราทานทุกวัน คนพื้นที่เองก็เบื่อหน่ายกับเรื่องเหล่านี้ ใครอยากมาโยคะสเตย์หรือเรียนรู้ทางด้านจิตวิญญาณ เวชศาสตร์ ก็หาที่ที่มีคนแนะนำ อย่าเอาจากเฉพาะในเน็ตที่ไม่มีใครรีวิว เพราะอาจารย์ทางด้านต่างๆที่นี่เก่งๆหลายท่านมีอยู่มากมาย (ป้ายที่เราถ่ายมาไม่ได้หมายความว่าเป็น tourist trap นะแค่อยากจะบอกว่ามันเยอะจริงๆ)

และแล้วก็หมดเวลาได้เวลาที่ต้องเก็บของกลับบ้าน…เที่ยวครั้งนี้คงทำให้เราคิดถึงอินเดียมาก แต่สองอาทิตย์ที่ได้มาถึงจะมีอะไรที่อยากทำอีกมากมาย…แต่มันก็นานพอให้เริ่มคิดถึงบ้าน ป้า แม่ หมา และก๋วยเตี๋ยวเรือด้วยเช่นกัน…จนกว่าจะพบกันใหม่… หวังว่าทุกคนคงสนุกกับโพสบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ…อินเดียในรอบ 13 ปีมันดีจริงๆ^^

เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง, เที่ยวอินเดีย2อาทิตย์, เที่ยวรัฐอุตตราขัณฑ์, Rishikesh
อาหารเพื่อสุขภาพหน้าโรงแรมที่เรากินทุกวัน บอกตามตรงว่าร่างกายหลังจากที่ไปเดินเขามาหลายวันมันสะบักสะบอมเหลือเกิน ผิวลอกแสบ เท้าเจ็บ น้ำหนักลดลงไปเกือบห้ากิโลกรัม มาอยู่ที่ Rishikesh น่าจะเรียกว่ามาพักฟื้นมากกว่าการพักผ่อน

วัด Shri Saccha Akhileshwar Mahadev ที่เราว่าน่ารักและสงบเงียบดี มีที่พักบริการ 500 รูปีต่อคืน ถ้ามีโอกาสอยากมาลองพักที่นี่

The Beatles ได้พบแรงบันดาลใจที่อาศรมใน Rishilesh หล่อหลอมผลงานที่ล้ำค่าสร้างสรรค์เสียงเพลงมากมายจากที่นี่ สถานที่แห่งนี้ยังคงเก็บรักษาเสน่ห์ที่ไม่อาจลืมเลือนแต่ค่าบัตรก็แพงมากเช่นกัน T.T

การเดินเล่นชมอาศรมริมแม่น้ำใน Rishikesh คือการเดินทางสู่ความสงบ ท่ามกลางความวุ่นวาย ริมฝั่งแม่น้ำคงคา สะพานและอาศรมที่แทรกตัวอยู่ในธรรมชาติและเมืองมันดูมีชีวิตชีวาและน่าชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อตะวันลับขอบฟ้า พิธีบูชาพระแม่คงคาเริ่มต้นขึ้น แสงเทียนและเสียงสวดมนต์ที่ดังก้องกังวาน ทำให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และการเชื่อมโยงกับสิ่งที่สูงส่ง เป็นช่วงเวลาที่แม่น้ำคงคากลายเป็นกระจกสะท้อนความสงบในหัวใจ เราไปตามท่าน้ำต่างๆทุกวัน

Triveni Ghat ที่เราว่าสนุกที่สุดในแบบอินเดียของพิธีบูชาแม่น้ำคงคา

วันสุดท้ายที่อยู่อินเดียเรามานั่งเล่นที่ริมท่าน้ำซึ่งไม่ไกลจากโรงแรม วันนี้แม่น้ำมีไอหมอกที่สร้างบรรยากาศให้เป็นภาพที่พิเศษมากจริงๆ ขอบคุณตัวเองที่มอบโอกาสนี้ให้ตัวเรา ขอบคุณคนแปลกหน้าทุกคนในทริปที่ให้ความช่วยเหลือและมีมิตรภาพที่ดี ขอบคุณคนอ่านใน Facebook ที่คอยติดตามและส่งข้อความคำแนะนำดีๆมาให้ตลอด หวังว่าโอกาสแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกสำหรับเราและทุกคนที่ปรารถนาอยากมาเยือน  หวังว่าโพสอันยืดยาวนี้จะทำให้คนที่เคยมาได้หายคิดถึง และเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนอยากมา ขอบคุณครับ^^

ไมโจว Mai Chau หมู่บ้านชาวไทขาว

Mai Chau

ตอนที่ 4  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน

ไมโจว Mai Chau เป็นแหล่งที่อยู่ของชาวไทขาว อยู่ในเขตจังหวัดฮัวบินห์ ซึ่งมีภาษาพูดคล้ายๆกับภาษาลาวและเหนือของบ้านเรา มีบรรยากาศชนบทที่อุดมสมบูรณ์แบบ ที่นี่จะฮิตมากในหมู่คนเวียดนามด้วยกันเองด้วย เพราะอยู่ห่างจากฮานอยเพียง 140 กิโลเมตร

เราค่อนข้างหมดแรงจากการเดินทางเมื่อคืนมาที่ ไมโจว แต่ก็แค่งีบหลับหลังเฝอไก่ในช่วงเช้าเท่านั้น เพราะวิวทุ่งนามันช่างยั่วยวนเหลือเกิน เราตื่นมาเช่ามอเตอร์ไซค์ออกเที่ยวต่อในทันทีตอนสิบโมงกว่าๆเพราะอยากไปดูน้ำตกกับทะเลสาบที่นอกเมือง แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะติดใจอยากแอบสำรวจทุ่งนาใกล้ๆที่พักมากกว่า

ไมโจว, Mai Chau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
 Mai Chau Valley View Hotel วิวจากห้องพักตอนที่มาถึง ไมโจว
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
น้ำตก Go Lao ที่มาทางเดียวกับทะเลสาบ Hoa Binh ฟ้าที่ร้องฮึ่มๆส่งเสียงขู่ทำให้เราอยู่ได้ไม่นาน
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ทะเลสาบ Hoa Binh

พอเอารถมาจอดที่ Ban Luc ก็แอบตกใจเพราะที่นี่คือการมัดรวมของบ้านไทใต้ถุนสูงอันเป็นที่พัก ที่ห่อรวมกับการขายของแบบถนนคนเดินและพ่วงท้ายด้วยร้านรวงแบบถนนข้าวสาร ไม่ว่าจะนวด ทำเล็บ หรือโต๊ะสนุ๊ก นึกในใจว่าโชคดีที่ไม่ได้กดจองที่พักในหมู่บ้านนี้ มันวุ่นวายมากเกินกว่าสิ่งเราจะชื่นชอบได้ แต่พอเดินไปด้านหลังของหมู่บ้านที่นี่ก็ยังมีความน่ารักหลงเหลืออยู่ (ที่นี่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะมาจอดรถ แล้วนั่งรถไฟฟ้าหรือเช่าจักรยาน เพราะถนนด้านในจะเล็กมากห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไป)

ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
นักท่องเที่ยวจะนำรถมาจอดแล้วขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางดูวิวในหมู่บ้าน ซึ่งจะมี Ban Luc และ Pom Coong
ในหมู่บ้าน Luc ที่บ้านทุกหลังจะเป็นโฮมสเตย์และร้านขายของ
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ถ้าใครอยากมาพักในหมู่บ้าน Luc เราแนะนำให้ลองดูดีๆ ให้ออกมาริมหมู่บ้านหน่อยจะสงบกว่า
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
โรงเรียนในหมู่บ้านที่ตอนนี้เด็กๆปิดเทอม
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
บ้านนี้อยู่ท้ายหมู่บ้านที่เราว่าน่ารักดี ถ้าไม่แน่ใจเราว่ามาเดินๆดูก่อนก็ยังได้ เพราะที่พักเยอะมากจริงๆ
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ลายกำแพงหน้าต่างที่นำไม้มาประกอบกันดูน่ารักมาก

เราขี่รถไปที่หมู่บ้านอื่นๆในละแวก ซึ่งหลายแห่งเงียบสงบและน่ารักกว่ามาก ถนนเส้นเล็กๆที่ตัดกันไปมาตามทุ่งนาเพื่อเชื่อมหมู่บ้านก็น่าเดินเล่นเป็นที่สุด ในช่วงตอนเย็นที่นอกจากนักท่องเที่ยว ชาวบ้านก็จะใช้ถนนเหล่านี้มาเดิน วิ่ง ขี่จักรยานออกกำลังกายกันอีกด้วย เราแอบรำคาญตัวเองที่จอดๆขับๆมอเตอร์ไซค์เพราะอยากถ่ายรูป นอกจากนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่ยังใช้จักรยานไฟฟ้าที่ไม่ได้มีกลิ่นท่อไอเสียแบบรถของเรา มันทำให้รู้สึกผิดจริงๆ

Mai Chau Ecolodge
Mai Chau Ecolodge โรงแรมยอดฮิต แต่ราคาแสนแพง แถวนี้เป็นที่เดินเล่นหรือขี่จักรยานที่ดี
พอเราตะโกนว่า ขอถ่ายรูปหน่อยนะพ่อเอ้ย พ่อแกตอบว่า ได้ จริงๆเราลองเสี่ยงถามเพราะก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนภาษาไทยหรือเปล่า
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ชาวบ้านมักจะใช้จักรยานหรือจักรยานไฟฟ้าเพื่อขี่ไปทำไร่ทำนา
เมื่อเลยหมู่บ้าน Luc เข้าไปด้านในก็ยังมีทุ่งนาให้เห็นอีกมากมาย

ในวันรุ่งขึ้นเราเลยใช้การเดิน ซึ่งก็รู้สึกสนุกและเป็นมิตรกับคนอื่นมากกว่า บรรยากาศโดยรวมที่นี่แอบคล้ายกับบ้านเราอยู่มาก แต่มันก็มีความรื่นรมย์ที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของชนบทที่น่ารักดีอย่างบอกไม่ถูก ชาวไทขาวที่นี่มีอัธยาศัยที่ละมุน ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตแต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงความอารีไปได้เลย (จนหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวบอกให้เพลาๆการต่อรองราคาแบบเหี้ยมโหดเพราะคนที่นี่ไม่มีเหลี่ยมซึ่งแตกต่างจากที่เที่ยวฮิตๆอื่นๆอย่างแน่นอน)

คุณป้าที่ยิ้มร่าเริงตอนพูดคุย แต่พอยกกล้องขึ้นมากลับเขินอาย
ไมโจว, Mai Chau, Ban Luc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Mai Chau, แหล่งท่องเที่ยวไมโจว, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ที่บ้านหลังนี้จะมีลาวกระทบไม้ ที่เหล่าชาวบ้านจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาแสดงให้นักท่องเที่ยวชมตลอดทั้งวัน เราเข้าไปในบ้านหลังนี้เพราะได้ยินเสียงร้องรำทำเพลงดังมาแต่ไกล
ผ้าทอพื้นเมือง
บ้านไม้ยกสูงเป็นสเน่ห์ของชาวไททั่วทั้งภูมิภาค ที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมีโอกาสมาพักสักครั้งหนึ่ง

เราเดินผ่านโฮมสเตย์ในหมู่บ้านไทขาวอีกแห่ง HomeStay Truong Huy ได้กลิ่นหมูย่างที่หอมมากชวนให้หิว เราจึงนั่งแวะเพื่อสั่งอาหาร เจ้าของสอบถามเราว่าจะกินอะไร เราแทบจะไม่เชื่อหู ทุกอย่างที่พูดคุยคือคำไทยที่เราใช้ๆกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าวเหนียว ข้าวหลาม หมูปิ้ง ไก่ปิ้ง หน่อไม้ เหล้าและคำอื่นๆ อาหารที่นี่รสละมุนเผ็ดอ่อนๆหอมเครื่องเทศในของย่างถูกปากเรามากจริงๆ

HomeStay Truong Huy
HomeStay Truong Huy ที่ด้านล่างเป็นร้านอาหาร เราว่าสงบดี
HomeStay Truong Huy
อาหารชุดที่กินได้อิ่มจนจุกเลย

เราอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่สองคืนก่อนกลับฮานอย กิจกรรมที่ทำจึงไม่ได้โลดโผนมาก เหมือนพักร่างหลังจากเที่ยวมาสองสัปดาห์มากกว่า เราเลือกพักที่  Mai Chau Valley View Hotel ซึ่งอยู่ปากทางหมู่บ้าน เพราะหาของกินสะดวก เจ้าของก็น่ารักมากให้ข้อมูลช่วยแนะนำในเรื่องต่างๆได้ดี

แดดในช่วงกลางวันที่นี่ทำให้อบอ้าวมาก ถึงฟ้าจะครึ้มด้วยเมฆฝนในบางคราวก็ไม่ทำอากาศเย็นขึ้นสักเท่าไหร่ แต่พอแดดเริ่มอ่อนหลังสี่โมงบรรยากาศกลับรื่นรมย์จนเราเดินเล่นถึงมืดค่ำ ถึงแม้กราฟในที่ ไมโจว จะไม่ได้ทำให้ความรู้สึกพุ่งพล่าน และไม่ได้ทำให้ความคิดถึงฮาซางลดน้อยลง แต่มันก็ทำให้สามารถสงบจิตสงบใจ อันเป็นการล่ำลาทุ่งนาป่าเขาที่สุดท้ายในเวียดนามของทริปนี้ได้เป็นอย่างดี

ถึงแม้ที่นี่จะได้รับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ปี 1990 แต่ความน่ารักของผู้คนก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ

เช้าวันเดินทางกลับฮานอย ความรู้สึกภายในเรามันตีกันยุ่งเหยิงตอนขึ้นรถ จิตใจที่คิดว่าพับไว้เรียบร้อยกลับขมวดย่นยับ ปกติแล้วสองอาทิตย์กับการเดินทางมันทำให้จากลาได้ไม่ยากเพราะจะคิดถึงบ้าน แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เรารู้ดีว่าด้วยมีกิจธุระคงจะไม่สามารถมาเที่ยวนานๆแบบนี้ได้บ่อยๆอีกต่อไป นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราเศร้ามาก

พอเช็คอินที่พักแล้วเราก็ออกเดินเล่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม เป็นจุดหมายแรก ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ก็มีสิ่งของให้ชมค่อนข้างเยอะ มีหลายชิ้นที่เราชื่นชอบมากเป็นพิเศษ

  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ถนนรอบทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมปิดการจราจรโดยรอบ ทำให้มีกิจกรรมมากมายบนท้องถนน ผู้คนดูมีความสุขมากโดยเฉพาะเด็กๆ เราเดินอ้อมเมืองเก่าที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำในรอบที่แล้วๆมา ถือเป็นการอำลาฮานอยในทริปนี้

อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ

ตอนที่ 1  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – นิญบิ่ญ แหล่งท่องเที่ยวยอดเขา99ลูก

ตอนที่ 2  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – ฮาซาง จังหวัดชายแดนที่ทำให้ใจเต้นแรง

ตอนที่ 3  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – เดียนเบียนฟู เมืองแห่งประวัติศาสตร์ยุคใหม่ไฟสงคราม

เดียนเบียนฟู เมืองแห่งประวัติศาสตร์ยุคใหม่ไฟสงคราม

Dien Bien Phu

ตอนที่ 3  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน

เดียนเบียนฟู หากเราต้องไปเมืองนี้จาก ฮาซาง ก็ยังงงกับการหาตารางรถที่หาไม่ได้อยู่ เราเลยขอทดไว้ในใจก่อน เมื่อเสร็จทริปกับเพื่อนที่ฮาซางแล้วเราก็ต่อรถเพื่อมาซาปาในคืนนั้นทันที เพราะวันรุ่งขึ้นเพื่อนของเรามีออกทริปกับลูกค้ากลุ่มใหม่ตั้งแต่เช้า นอกจาก เดียนเบียนฟู แล้วเรายังมีอีกสองสามที่ที่จะเอามาชั่งใจ เลยใช้ซาปาเป็นเมืองพักสักวันสองวันแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีหนึ่ง

คืนเดินทางในรถเรานอนไม่ค่อยหลับ นั่งดูแต่รูปฮาซางทริปที่ผ่านมาอยู่ตลอด ในใจยังไม่อยากจากมาสักเท่าไหร่ กลัวการตัดสินใจที่เหมือนจะเด็ดขาดแต่ไม่ฉลาดของตัวเราเอง เมื่อไม่อยู่ฮาซางต่อก็ควรไปเมืองอื่นๆที่ยังไม่เคยไป ได้แต่สะกดจิตตัวเองไว้ด้วยคำดังกล่าว (ตอนแรกอยากกลับไป Dong Van ที่เคยมาแล้วถึงสองครั้ง แต่เราก็แอบตั้งกฎเล็กๆเอาไว้ในคราวนี้ว่าจะไม่เที่ยวที่ไหนซ้ำอีกถึงแม้จะชอบมาก จะได้ไปเห็นอะไรอย่างอื่นบ้าง) รถมาถึงซาปาตอนตีสอง เรานั่งแท็กซี่ต่อไปยังที่พักตรงเนินเขา อากาศที่ซาปาช่างเย็นสบาย พอเข้าห้องเราเลยเปิดหน้าต่างนอนต่อจนถึงตอนเช้าเลย

ช่วงสายเราออกไปเดินหาของกินกับสอบถามตารางเดินรถ เมืองที่คิดเอาไว้ว่าอยากไปที่นอกจาก เดียนเบียนฟู แล้วก็ยังมี Mu Chang Chai ที่เป็นจุดชมนาขั้นบันไดอีกแห่งที่ดังมากในเวียดนาม ส่วนอีกที่ก็คือ Y Ty (อีตี๋) หมู่บ้านบนภูเขาที่มีทุ่งข้าวอีกเช่นกัน แต่ที่นี่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปเองจากซาปากว่า 70 กิโลเมตร ยังไงก็ตามเราขอเช่ารถขี่เที่ยวเล่นทุ่งนาใกล้ๆซาปาดูก่อน เพราะคราวที่แล้วมาหน้าหนาวมีแต่ตอข้าวสีน้ำตาล เราได้แต่คิดว่าถ้ามีต้นข้าวเต็มทุ่งนาที่นี่จะต้องสวยมากแน่ๆ

เดียนเบียนฟู, ซาปา, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ซาปาตอนเช้ามืด อากาศคือดีงามมาก

Ruong Bac Thang เป็นหมุดที่เราปักเอาไว้ เมื่อถึงที่หมายก็ขี่เข้าไปตามทางหมู่บ้านเรื่อยๆ ที่นี่มีเนินน้อยใหญ่ทำให้เห็นทุ่งข้าวได้อย่างสวยงาม ถ้าใครมีเวลาไม่มากที่จะไปไกลถึงฮาซาง เราว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับการท่องเที่ยวเยี่ยมชมทุ่งข้าว ถึงที่นี่จะสวยดีแต่ในใจก็กลับคิดถึงผู้คนที่ฮาซางมาก อยากมีโอกาสกลับไปชมทุ่งข้าวสีเหลืองทองแบบนี้ที่นั่นบ้างก็คงดี ถึงตัวจะมาเมืองอื่นแล้วแต่ใจก็ยังมูฟออนจากฮาซางไม่ได้เลยจริงๆ

รถมอเตอร์ไซค์ที่เราเช่าค่อนข้างเก่า มันชอบดับเวลาลงเขาอยู่ตลอด พอขี่ในถนนที่ขรุขระเจ้าขาตั้งตัวดีมันก็ดีดกลับลงมาโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว จึงทำให้รถล้มลงตอนเลี้ยวโค้ง เราเจ็บตัวนิดหน่อย แต่ในใจได้แต่คิดน้อยใจว่า ในเมื่อซาปาไม่รักเรา เราก็จะไม่รักซาปา ไปเมืองอื่นต่อก็แล้วกัน รถคว่ำทำให้ตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น พอกลับเข้าเมืองเราก็ไปต่อว่าร้านเช่า เพราะสปิงอันละแค่สี่สิบบาททำไมถึงไม่ยอมเปลี่ยน ปล่อยให้เราเป็นเหมือนคนแก่ที่หย่อนยานสะดุดนมตัวเอง มันอันตรายมาก

เดียนเบียนฟู, ซาปา, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ทุ่งข้าวที่ Ruong Bac Thang ที่ตอนนี้สีสวยมาก

เที่ยวรถที่จะไป เดียนเบียนฟู จะมีอีกทีก็วันรุ่งขึ้นในตอน 18.30 ช่วงเวลาที่ประหลาดก็จะทำให้เราไปถึงเมืองในเวลาที่ประหลาดด้วยเช่นเดียวกัน นั่นก็คือตีสอง เราจองรถเที่ยวนั้นแบบเลือดออกซิบๆรู้สึกเหมือนโดนฟัน เพราะราคา 480,000 ดองมันออกจะดูเกินเลยไปหน่อย แต่เอเจ้นท์ก็เน้นย้ำว่าเป็นรถตู้นอน Luxury ไม่ได้เป็นรถธรรมดา

ซาปาในวันนี้ต่างจากที่เราเคยมาเมื่อห้าปีก่อน Sun Plaza ที่มีรถรางไปขึ้นเคเบิลคาร์เพื่อไปยอดฟานซิปันก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝุ่นโคลนเสียงดังจากปั้นจั่นที่เคยมีก็หายไปหมด อากาศที่นี่เย็นสบายน่าเดินเล่นมากจริงๆ ตกเย็นที่ลานกว้างกับริมทะเลสาบก็มีผู้คนมาออกกำลังเล่นกีฬา เป็นเมืองที่ดูน่าอยู่กว่าเมื่อก่อนมากเลยทีเดียว จะติดอยู่ก็ที่ยังมีเด็กน้อยออกมาเร่ขายของให้นักท่องเที่ยว ซึ่งก็มีการรณรงค์กันอย่างหนักหน่วง แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่มากมาย

  • เดียนเบียนฟู, ซาปา, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ

พอเริ่มชื่นชมได้ยังทันข้ามคืน ตกดึกเสียงเพลงที่ดังมาจากจอLEDยักษ์ บรรเลงเพลงที่มีจังหวะเหมือนใช้เต้นแอโรบิค (Broken hearted women เป็นเรฟเฟอร์เร้นซ์ที่ดีเพื่อให้เห็นภาพ) หัวค่ำยังพอทำเนา แต่นี่เล่นกันยาวนานจนถึงดึกดื่น ถ้าใครมาก็ควรหลีกเลี่ยงห้องพักที่หันไปทางลานกว้างหน้าโบสถ์ จะได้ไม่ต้องทนฟังเพลงแบบนี้จนหลับไป

ช่วงเช้าเราไปนั่งรถรางไปสถานีเคเบิลคาร์เพื่อไปยอดฟานซิปัน ครั้งก่อนทั้งหนาวและหมอกหนาจนได้แต่ยืนสั่นมองภาพที่มีแต่สีขาวๆอยู่บนยอดเขา ครั้งนี้มีเวลาเลยขอแก้ตัว เพราะตอนเช้าเราเห็นยอดเขาที่นานๆจะโผล่ให้เห็นโดยที่ไม่มีอะไรบัง เมื่อขึ้นไปถึงเมฆหนาก็เริ่มมาปกคลุม ทำให้เราได้แต่เห็นวิววับๆแวมๆอีกเช่นเคย

  • ซาปา, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • ซาปา, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • ซาปา, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ

ตอนเย็นเรานั่งแท็กซี่มาลงที่จุดนัดขึ้นรถ ไม่นานรถลีมูซีนอันแสนแพงที่เราจองไว้ก็มาจอดรับ ของในรถแทบจะทะลักปลิ้นออกมาเมื่อคนขับเปิดประตู ความหรูหราที่วาดไว้ต้องกองทิ้งไว้ที่ข้างถนนตรงนั้น จำนวนผู้โดยสารพอดีคัน 9 คน พร้อมกับสัมภาระมากมายทั่วทั้งรถ จนใต้เท้าทุกคนจะต้องมีของอะไรสักอย่างวางอยู่

ในช่วงดึกทุกคนดูจะมีธุระกับโทรศัพท์เป็นพิเศษ ทั้งวีดีโอคอลกับแฟน เล่นเกมส์ROV ดูยูทูป ฟังเพลงและอื่นๆ แต่ดูเหมือนพวกเค้าจะลืมเอาหูฟังมากันทั้งคันรถ เสียงจึงตีกันไปมาหนวกหูจนน่างงงวย ฝรั่งสองคนที่นั่งหน้าเราดูหงุดหงิดมากขึ้น เมื่อเด็กหนุ่มข้างเราเอามือเท้าพนักพิงด้านหน้าพร้อมกับเปิดไฟพูดคุยโทรศัพท์อย่างเมามันออกรสอยู่บนหัวของผู้หญิงฝรั่ง สักพักนางก็คงจะแก้แค้นคืนด้วยการเปิดซีรีย์ “เฟรนด์” แบบไม่ต้องหรี่เสียงโดยเฉพาะตอนที่เอ็กตร้าหัวเราะ มันดังมากมาเป็นระยะๆ เราเสียวไส้ว่าอาจจะมีการหยุมหัวเกิดขึ้นในรถเร็วๆนี้อย่างแน่นอน

รถที่เอเจนท์บอกว่า Luxury ไม่ใช่รถตู้ธรรมดา อยากจะโทรกลับไปด่าจริงๆ รถมันแน่นมาก ถ้าจ่ายราคาที่สมเหตุสมผลก็คงจะไม่รู้สึกอะไร

สองชั่วโมงผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น รถจอดที่เมืองๆหนึ่ง มีผู้โดยสารรุ่นคุณป้ามาอีกสองคนพร้อมสัมภาระเต็มอัตรา คนขับจัดที่จัดทางใหม่ให้นั่งเบียดกันพร้อมกับของที่อัดเข้ามาเพิ่มได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ท่านั่งของเราคือถ่างขายกวางบนกองกล่องโฟมและลังผลไม้ และหว่างขาเรานั้นก็คือเด็กหนุ่มที่เสียสละที่นั่งปกติให้กับคุณป้ามาคุดคู้นั่งทับบนลังเอาหัวพิงกระเป๋าโน้มไปด้านหน้าอย่างน่าเอ็นดู เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่มารู้ตัวอีกทีคือคนขับมาเปิดประตูส่งเสียงดังลั่น สภาพคือขาครึ่งร่างเราชาจากการที่เด็กหนุ่มหงายหลังลงมานอนทับบนตักเราบวกกับท่านั่งที่เปลี่ยนอิริยาบถไม่ได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง จะเรียกว่าหลับสบายหรือสลบเหมือดกันไปทั้งคันก็แยกไม่ออกอยู่เหมือนกัน

คนขับมาส่งเราที่ตึกแห่งหนึ่งตาม google map เราปลุกพนักงานโรงแรมให้เปิดประตูตอนตีสองครึ่ง ในใจคิดว่าทำไมสภาพมันถึงไม่ตรงปกอย่างแรง แถมราคาที่แปะป้ายไว้ก็แพงแตกต่างจากที่เราเคยคุยจองไว้ในเฟสบุ๊คมากมายอยู่ เราเปิดรูปให้พนักงานดูอีกครั้งว่าที่นี่มันถูกต้องไหม เค้างัวเงียตอบแล้วทำมือเหมือนให้เดินเลยไปอีกด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อย ที่นี่ชื่อเดียวกันกับที่เราจองมาแต่มีคำว่า Bao อยู่นำหน้า ถ้าปักหมุด An Lox hotel มันก็จะพามายังตึกแห่งนี้ เรารีบยกมือไหว้ขอโทษแล้วเผ่นออกมาทันที

ถนนดูโล่งมืดจนแอบน่ากลัว แท็กซี่ผ่านมาจอดถาม เรายื่นภาพให้ดู เค้าได้แต่ทำท่าให้เดินต่อไปเอง โบ้ยใบ้ว่าอีกนิดเดียวก็ถึง ทั้งๆที่เราทำท่าอยากให้เค้าไปส่งมากก็ตามที เราลองกดในเฟสบุ๊คให้นำทางแผนที่ แต่มันกลับโชว์ให้เดินวนไปมาเป็นวงกลมใหญ่เกือบสี่กิโลเมตร เราเดินมาจนถึงตลาดที่แม่ค้าเริ่มขนของมาเพื่อวางขาย เราสอบถามจนพวกเค้าหลายคนมามุงจนดูน่าวุ่นวายประมาณนึง พวกเค้าให้เราเดินกลับทางเดิมที่หลงมาในตรอกมืด เราได้แต่ถอนใจว่าภาพรีเซฟชั่นสีขาวที่จำมาจากในเน็ตมันไม่ได้ผ่านตาเลยจริงๆ เราเจอแท็กซี่อีกคันที่สวนมา พี่เค้าได้แต่ชี้นิ้วให้เรากลับไปทางโรงแรมเดิมที่มาผิด มันไม่ไกลให้เดินไปเองเถอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ดูจากท่าทางและความน่าจะเป็น เพราะสิ่งที่ได้ยินมาเป็นภาษาเวียดนามล้วนๆเท่านั้น

เรายืนท้ออยู่ชั่วขณะ แต่ปลายตาเหลือบไปเห็นตัวอักษรคุ้นๆบนตึกสีขาวที่ปิดไฟมืด เรากลับพบว่าทั้งสองโรงแรมห่างกันไม่เกินห้าห้องของช่องตึก เมื่อไฟปิดมืดข้างล่างจึงยากที่จะมองเห็นรีเซฟชั่นด้านบนชั้นสอง ต้องเป็นกระรอกบนสายไฟเท่านั้นที่จะทำได้ นี่เราเดินหลงไปมาในถนนมืดกลางดึกอยู่นานเกือบชั่วโมง แต่ความกลัวที่มีในตอนแรกมันก็ค่อยๆผ่อนคลาย เมื่อผู้คนอื่นๆที่ได้พบเจอมาพูดคุย มันสัมผัสได้ว่าจริงใจ ที่นี่น่าจะปลอดภัยแบบหายห่วง ถ้าเป็นบางประเทศแท็กซี่อาจรับเราแล้วขับวนไปมาจึงค่อยไปส่ง ทั้งๆที่จุดหมายอยู่แค่ปลายจมูก ถึงจะเหนื่อยมากวันนี้แต่ก็มีความรู้สึกอะไรบางอย่าง ว่าคิดไม่ผิดที่ได้เดินทางมาเมืองที่หลายคนบอกว่าไม่มีอะไรให้เที่ยวใน เดียนเบียนฟู อย่างแน่นอน หรือจะเป็นการสะกิดต่อมมาโซคิสม์ที่มีอยู่ในตัว

เดียนเบียนฟู, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ถนนมันมืดและเปลี่ยวมากจริงๆ
โรงแรมที่เราจองไว้ใน Facebook ที่ก็มัวแต่มองหาหน้าตาให้เหมือนในรูป แต่รีเซฟชั่นก็ดันอยู่ชั้นสองปิดไฟมืด
เดียนเบียนฟู, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ตัวเมืองเล็กๆแต่ของกินราคาถูกเพียบ ไม่เหมือนซาปาที่เราว่าค่าครองชีพสูงอยู่เหมือนกัน

เมือง เดียนเบียนฟู ในฐานะประวัติศาสตร์ยุคใหม่นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นจุดที่มีการทำสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่งกับสหภาพฝรั่งเศส ซึ่งทำให้เกิดสนธิสัญญาสันติภาพเจนีวา ก่อนที่จะเกิดสงครามเวียดนาม (ที่นี่จะเรียกว่าสงครามต่อต้านอเมริกา)ในเวลาต่อมา

ช่วงเช้าที่ว่ากันตามตรงเรายังคงอ่อนเพลียกับการเดินทางเวลาที่ผิดแปลกจากเมื่อคืน แต่พอได้ตารางเดินรถเพื่อไปยัง Mai Chau ในเวลา 16.30 จึงทำให้เราต้องออกเที่ยวในครึ่งเช้าให้ทัน จริงๆแล้วเมืองนี้ไม่ได้เป็นจุดหมายหลักที่คนจะแบบตั้งใจมา หากแต่จะข้ามชายแดนไปลาวหรือสำหรับคนที่สนใจเรื่องสงครามจริงๆถึงจะมุ่งตรงมายังเมืองแห่งนี้

ที่เที่ยวสำคัญของเมืองจะกระจุกอยู่ตรงกลางทำให้สะดวกกับการเดินสำรวจ เราเริ่มออกเดินจะไปที่เนิน A1 เป็นที่แรก ระหว่างทางผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายเรา รวมทั้งชวนนั่งคุยทั้งๆที่การสื่อสารไม่ได้ลื่นไหล คนไทดำจำนวนมากอยู่แถบนี้ ทำให้สามารถพูดคุยกับเราได้คล้ายคลึงกับภาษาไทยมากที่สุด แต่คำลึกๆแล้วก็ยังแตกต่างจนทำให้ยืนงงกันได้ทั้งสองฝ่าย คนที่นี่น่ารักมาก อย่าให้ได้เห็นก้มดูโทรศัพท์หาทาง เค้าจะเอ่ยปากถามเราก่อนทั้งๆที่ยังไม่ได้เงยหน้าสบตาด้วยซ้ำไป ถ้าเห็นเดินกินน้ำก็จะกวักมือเรียกให้นั่งลงกินก่อนแล้วค่อยไป

เนิน A1 เราเดินเลยทางเข้าไปแบบไม่รู้ตัว คนท้องถิ่นร้องทักเมื่อเราเดินมาผิดทาง ที่แรกเลยกลายเป็น Dien Bien Phu Victory Museum จริงๆไม่ได้คาดหวังมากกับที่นี่ แต่เมื่อเข้าไปในฮอลหลักที่มีภาพวาดโค้ง360องศา เรากลับขนลุก หญิงสาวบรรยายสดประกอบการส่องสปอร์ตไลท์ไปตามตำแหน่งต่างๆ ถึงฟังไม่ออกสักคำแต่บรรยากาศของคนดูทำให้คล้อยตามได้ไม่ยากจริงๆ ผู้มาชมส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวท้องถิ่นและทหารผ่านศึก เมื่อจบการบรรยายสดก็จะเป็นการเดินชมข้าวของสงครามที่จัดไว้เป็นอย่างดี ความภาคภูมิใจไม่ว่าจะเป็นยุทธการเดียนเบียฟูหรือสงครามต่อต้านอเมริกานั้นมันยิ่งใหญ่มากมายนัก เมื่อเทียบกับจำนวนทหารกับข้าวของเครื่องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่างกันฟ้ากับเหว แทบจะเรียกได้ว่าเอาข้าวสารมาเขวี้ยงใส่เครื่องบินกันเลยทีเดียว แต่ชัยชนะที่เกิดขึ้นมันคือความมานะอดทนและการร่วมใจของผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ จึงทำให้เกิดความสำเร็จได้

จริงๆคนเวียดนามเกลียดสงครามมากเท่าที่เราพูดคุย มันทำให้รอยยิ้มห่างหายไปจากใบหน้าผู้คนได้หลายรุ่นหลายสมัย พิพิธภัณฑ์สงครามจึงเสมือนเครื่องเตือนใจในสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นและแสดงความงดงามของความรักจากคนในชาติที่ร่วมใจกันมากกว่า

เดียนเบียนฟู, Dien Bien Phu Victory Museum, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
พิพิธภัณฑ์ครอบคลุมพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร มีวัตถุประมาณ 1,000 ชิ้น แบ่งออกเป็นนิทรรศการต่างๆ
  • เดียนเบียนฟู, Dien Bien Phu Victory Museum, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • เดียนเบียนฟู, Dien Bien Phu Victory Museum, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • เดียนเบียนฟู, Dien Bien Phu Victory Museum, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • เดียนเบียนฟู, Dien Bien Phu Victory Museum, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • เดียนเบียนฟู, Dien Bien Phu Victory Museum, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ

จุดต่อมาที่เราเดินไปคือเนิน A1 สนามรบที่มีชื่อเสียงเป็นการเปิดฉากการรบที่ดุเดือดที่สุด นอกจากหลุมระเบิดขนาดใหญ่ และอุโมงค์ทางเดินใต้ดินแล้ว ทางด้านหลังยังมีอนุสรน์สถานที่สร้างแบบสมัยใหม่อีกด้วย เราเดินเที่ยวจนวนออกมาถึงทางเข้า เห็นกุญแจล็อคประตูอย่างแน่นหนา บูธขายบัตรก็ปิดจนเหมือนร้าง ที่เที่ยวแถวนี้จะหยุดทำการตั้งแต่ 11.00 -13.30 แต่เราก็ไม่นึกว่าจะคนในไม่ให้ออกคนนอกไม่ให้เข้าถึงเพียงนี้ เรายืนเหม่ออยู่พักใหญ่ นักท่องเที่ยวเวียดนามอีกสามคนเดินเข้ามาถามว่าแล้วเราจะทำไงดี เราสี่คนเลยต้องปีนรั้วออกมาด้วยความทุลักทุเล นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ชวนเรานั่งรถของพวกเขาไปเที่ยวต่อยังนอกเมือง แต่ด้วยเวลาที่จำกัดเราเลยต้องปฎิเสธน้ำใจของพวกเขาไป

ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์จะเป็นสุสานของชาวเวียดนามจากสงคราม สวนได้รับการดูแลอย่างดี มีผู้คนเข้ามาเคารพหลุมศพด้วยดอกไม้กันอย่างต่อเนื่อง เราเดินต่อไปที่บังเกอร์ French commander ซึ่งที่นี่และ A1 นับเป็นระบบบังเกอร์ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดในช่วงสงคราวที่ผ่านมาแห่งหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวมักจะนำธงชาติขึ้นไปยืนโบกสะบัดเหมือนดังรูปถ่ายประวัติศาสตร์ แต่เรามาในช่วงพักจึงได้แค่ยื่นมือรอดรั้วหนามเข้าไปถ่ายรูปเพียงเท่านั้น

สงครามไม่ว่าจะจบลงอย่างไร ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ มันย่อมทิ้งบาดแผลให้คนทั้งรุ่นสองรุ่นในช่วงชีวิตของพวกเขาที่ต้องเยียวยา หวังว่ามนุษย์คงมีบทเรียนกับเรื่องเหล่านี้และจะยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

  • เดียนเบียนฟู, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ

พอ 15.30 เราเช็คเอาท์ออกจากที่พัก นั่งแท็กซี่ต่อไปยังท่ารถที่อยู่นอกเมือง ตอนวางแผนคือถ้ารถออกจากเดียนเบียนฟูตอน 16.30 มันก็น่าที่จะมาถึงแถว Mai Chau (ไมโจว) จังหวัด Hoao Binh (ฮัวบินห์) ตอนตีสาม เราพยายามสื่อสารกับเด็กรถว่าอยากลงที่ไหนก็ได้ก่อนทางแยกไป Mai Chau ที่ยังมีโรงแรมเปิดอยู่ (เพราะเมื่อดูจากแผนที่รถคันนี้จะต้องเลี้ยวตรงแยกนั้นแน่ๆ) ซึ่งเขาก็ได้แต่อือออ

ท่ารถ Dien Bien Phu ที่มีรถเดินทางไปลาวด้วย
รถที่ภายนอกดูใหม่แต่ข้างในเริ่มทรุดโทรม wifi ไม่มี รูชาร์จแบตก็ไม่ต้องไปหา
หมอนกับผ้าห่มที่ให้เหมือนเกิดมาไม่เคยโดนน้ำเลยสักครั้ง เหนียวหนึบหนับ

คืนนี้รถแน่นมากเป็นพิเศษ เต็มแทบจะทุกที่นั่งรวมถึงทางเดิน เราถูกปลุกให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวลง เด็กรถมองหน้าเราแปลกๆพร้อมกับสนทนากับคนขับ ให้เดาประมาณว่ามันคงเลยจุดที่มีโรงแรมมาแล้วอย่างแน่นอน ก่อนลงคนขับบ่นๆเหมือนกับว่าแล้วจะทำยังไงต่อแต่ก็โบกมือไล่ลาเพียงเท่านั้น เราลงมายืนโดดเดี่ยวตรงปั้มที่ส่วนอื่นๆมืดสนิท ในใจคิดด่าตัวเองว่าทำไมไม่ตั้งนาฬิกาปลุกกะเวลาถึงเมืองก่อนหน้านี้สักหน่อย เรามองไปรอบๆมีแต่ถนนที่เห็นได้ไกลสุดหยุดแค่ไฟปั๊ม ลองกูเกิ้ลดูโรงแรมที่ใกล้ที่สุดก็ห่างออกไปอีกเกือบสามกิโลเมตร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเปิดอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นถนนในเมืองยังพอจะลองเสี่ยงเดิน แต่ความมืดของป่าเขาทำให้เราอยู่เฉยๆน่าจะดีกว่า

เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ปั๊มน้ำมันถึงจะเปิดไฟ แต่ก็ไม่มีใครอยู่ในนั้น
เวลาที่ต้องเดินทางไปเมืองแปลกๆที่ไม่ใช่เมืองหลักก็มักจะได้มีการผจญภัยเล็กน้อย เราถือว่าเป็นหนึ่งในอรรถรสของการเดินทาง

เรามองไปที่ม้านั่งเห็นมีคนอยู่ในเงามืด จึงพิมพ์ภาษาเวียดนามไปว่าอยากหาที่พักแถวนี้จะเป็นไปได้ไหม พอเดินเข้าไปใกล้ปรากฎว่าเธอเป็นผู้หญิง พออ่านข้อความก็ได้แต่ส่ายหน้า เรานั่งที่โต๊ะไม้หินเดียวกันแบบไร้บทสนทนา ในใจเราก็คิดว่าจะกลัวเราไหมที่มาร่วมโต๊ะแบบนี้ ผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงนางถามเราว่า “จะไปไหน” พร้อมชี้นิ้วว่าจะไป “ทางนั้น”หรือ “ทางนี้” ตอนแรกเรานึกว่าหูฟาด ที่อยู่ดีๆได้ยินคำไทยที่ชัดถ้อยชัดคำในที่แบบนี้ พอพูดคุยปรากฎว่านางเป็นคนไท ไปอยู่ลาวมาสามปีตอนนี้กำลังจะกลับบ้านซึ่งก็เป็นทางเดียวกันกับเราที่จะไป จะมีรถมารับตอนตีห้ากว่าๆ

บทสนทนาต่อๆมาที่เราเรียกนางว่าพี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้ก็ต้องสะดุดหยุดลง กับคำถามว่า เราอายุเท่าไหร่ จริงๆแล้วนางอายุน้อยกว่าเรา ในใจได้แต่คิดว่า เชี่ยแล้วไง และกับอีกหนึ่งคำถามที่นางเปิดขึ้นมาว่าทำไมมาคนเดียว ไม่เอาเมียมาด้วยเหรอ เราจึงตอบไปว่าไม่มีเมีย ไม่เอาเมีย ไม่เอาผู้หญิง หลังจากนั้นบทสนทนาก็ติดๆดับๆแย่ไปกว่าเดิม หลังจากนั้นเราก็หลับบ้างตื่นบ้างจนฟ้าสาง

เจ้าของร้านคุณป้าออกมาเปิดบ้านแต่เช้าตรู่ มีรถมิตซูบิชิคันใหญ่เข้ามาจอด นางกับคนขับรีบขนกระเป๋าแล้วออกตัวไปแบบไม่ชวนไม่ว่าแต่ก็ไม่ล่ำไม่ลากันสักคำ เราได้แต่มองตามรถที่แล่นออกไปตาปริบๆ เราซื้อกาแฟกระป๋องกับน้ำเปล่าแล้วสอบถามเรื่องการหารถเพื่อมายังที่พักกับคุณป้า แกก็โทรตามให้ไม่นานรถก็มาจอด เราขอบคุณคุณป้าเรื่องรถและที่มานั่งหน้าบ้านแกอยู่เกือบครึ่งคืน

เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
พอฟ้าเริ่มสว่างก็เพิ่งรู้ตัวว่าเราอยู่ท่ามกลางภูเขา
เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
คุณป้าผู้ใจดีโทรเรียกรถให้ไปส่งเรา

พอฟ้าสว่างอะไรก็ดูสวยงาม ทุ่งนาที่นี่เขียวขจีมีทิวเขาอยู่ด้านหลัง มันน่ารักจนอยากขี่จักรยานเล่นเสียตอนนี้ แต่คงต้องนอนงีบเอาแรงสักหน่อยตอนบ่ายค่อยออกไป เมือง Mai Chau ดูเล็กๆน่ารักดี เราเลือกที่พักตรงปากทางหมู่บ้านเพื่อจะได้หาของกินสะดวก ที่นี่หลายคนมาเพื่อปั่นจักรยานเล่น เพราะไม่ได้มีเนินสูงที่ต้องใช้แรงเยอะ ไว้ช่วงบ่ายๆเราคงออกปั่นเที่ยวเล่นบ้าง

เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ระหว่างทางในแท็กซี่มา Mai Chau
ตัวเมืองเล็กๆน่ารักดี
เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Dien Bien Phu, แหล่งท่องเที่ยวเดียนเบียนฟู, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วย ตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
วิวจากระเบียงห้อง Mai Chau Valley View Hotel

อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ


ตอนที่ 1  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – นิญบิ่ญ แหล่งท่องเที่ยวยอดเขา99ลูก

ตอนที่ 2  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – ฮาซาง จังหวัดชายแดนที่ทำให้ใจเต้นแรง

ตอนที่ 4  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – ไมโจว Mai Chau หมู่บ้านชาวไทขาว

ฮาซาง จังหวัดชายแดนที่ทำให้ใจเต้นแรง

ฮาซาง, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ

REMINDING ME: Ha Giang ,Vietnam

ตอนที่ 2  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน

ฮาซาง จังหวัดแห่งการรอคอยของทริป รักที่นี่มากถึงขั้นมาเวียดนามก็คือจะเอา ฮาซาง เป็นตัวตั้ง แล้วค่อยหาที่อื่นๆเที่ยวเสริมในวันที่เหลือ จะว่าไปถ้าไม่มีจังหวัดนี้เราอาจจะไม่มาที่เวียดนามอีกเลยก็ได้ ครั้งแรกของการมาเที่ยวประเทศนี้ ในตอนนั้นคือเรายืนหดหู่โดนชาวเขาที่รุมเดินตามเราจากท่ารถในซาปาจนถึงที่พักเพื่อยัดเยียดขายของ หรือจะบอกปัดคนมาชวนดื่มกาแฟเพื่อคุยธุรกิจทั้งๆที่เพิ่งเดินสวนกันในลานกว้าง(มีคำเตือนในเน็ตมาก่อนหน้าถึงเรื่องเหล่านี้) และการต่อกรกับแท็กซี่จนต้องลงจากรถกลางทางถึงสองรอบติดกัน ในตอนนั้นคิดแค่ว่าซาปาก็สวยดีแต่อยากกลับบ้านมาก ที่นี่ไม่มีอะไรให้เราตามหา รู้สึกไม่ใช่ที่สำหรับเราตั้งแต่มาถึง แต่พอเริ่มออกไปตลาด Bac Ha แล้วนั่งรถมาลงที่ ฮาซาง ความเบิกบานสดใสก็ส่งผลให้เราตกหลุมรักในทันที เหมือนเป็นใบเปิดใจให้เราอยากไปเที่ยวเมืองอื่นในเวียดนามในเวลาต่อมาอีกด้วย

จาก นิญบิ่ญ มาฮานอยใช้เวลาไม่นาน ฝนที่เกิดจากพายุเมื่อคืนยังตกๆหยุดๆ หลายแห่งมีน้ำท่วมขังจนทำให้รถที่มาส่งเรายังโรงแรมใช้เวลามากกว่าปกติ พอเราวางกระเป๋า น้องพนักงานทำหน้าเจื่อนๆอย่างหมดแรง ถามว่าเรารีบไหมตอนนี้วุ่นวายมาก เมื่อคืนเที่ยวบินยกเลิกและคนไม่ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน มันทำให้ลูกค้าที่โรงแรมมีตกค้างอยู่เยอะมาก เราเลยออกไปหาซื้อของให้หลานที่เป็นลูกของเพื่อนก่อน ฝนเริ่มตกลงมาอีก เราปักหมุดใน google ที่เป็นร้านขายเลโก้ ที่นี่ค่อนข้างไกลแต่เราก็จะเดินไปให้ถึง (คิดไปเองว่าจะต้องเป็นร้านอลังการที่เห็นริมถนนเมื่อวันก่อน) ปรากฎจุดหมายเป็นบ้านของใครก็ไม่รู้ บริเวณนี้เป็นชุมชนที่ค่อนข้างจะแออัด เรารีบเดินออกปักหมุดอีกแห่ง พอถึงแล้วกลายเป็นร้านเสื้อเวรตะไลสีสันน่าเกลียด(ชักเริ่มพาล)

เอาใหม่ ในใจคิด ปักหมุดเลโก้เฮ้าส์อีกแห่งที่ห่างไปเกือบสองกิโลเมตร เราเดินข้ามถนนที่ดูงงๆจนมาถึงซอยที่อยู่ต่ำกว่าถนนใหญ่กว่าสองเมตร map บอกให้เราเลี้ยวตรอกเล็กๆก็จะถึง เราลุยน้ำที่เลยตาตุ่มมาสักพักใหญ่ เสียง google ร้องบอกว่าคุณมาถึงแล้ว อีเวร คิดในใจแต่ก็หลุดปากออกมา ด้านหน้าเราเป็นตึกแถวเก่าๆที่ไร้วี่แววของกิจการค้าขายใดใด พอกันทีกับการหาเลโก้ลิมิเต็ด ปักหมุดใหม่ไปร้านขายของเล่นธรรมดาในเมืองพอ

ปัญหาอย่างหนึ่ง ไม่สิ สองอย่างในเวียดนาม คือการที่หลายคนทำธุรกิจมากมายหลายอย่าง บ้านแทบทุกหลังจะเป็นกิจการไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง จึงทำให้เกิดการสร้างหมุดใน google map ขึ้น มีทั้งเปิดมั่งไม่เปิดมั่ง หรือล้มหายตายจากไปนานแล้วแต่หมุดก็ยังอยู่

อีกสิ่งก็คือทักษะการถ่ายรูปที่พักของโรงแรมต่างๆ มันอยู่ในขั้นมืออาชีพ ภาพเหมือนหลุดมาจากนิตยสาร elle decor ยิ่งมือถือมีเลนส์อัลตร้าไวด์นั้นมันยิ่งทำให้ภาพที่เห็นกับสิ่งที่ได้ช่างเหมือนการออกเดทกับคนที่หน้าและหุ่นไม่ตรงปก เรามักจะไม่สบายใจกับที่พักที่ใช้คำว่า boutique, luxury, exclusive…. เพราะเรารู้ตัวดีกับงบประมาณไม่เกินพันบาทกับความหรูหราที่น่าจะได้รับ

เมื่อเราเดินกลับมาถึงที่พักพร้อมเลโก้คลาสสิกกล่องใหญ่ พนักงานรีบมาขอโทษบอกถึงเรื่องเคลียร์ห้องไม่ได้จริงๆจากเหตุพายุเข้า มันทำให้แขกไม่ยอมเช็คเอาท์ เราจึงต้องย้ายจากโรงแรม boutique แห่งหนึ่งมายัง โรงแรม exclusive อีกแห่งหนึ่งแทน

เพื่อนจาก ฮาซาง ส่งข้อความบอกว่าพรุ่งนี้ให้เรียก Grab ไปลงที่ที่หนึ่งซึ่งเป็นจุดขึ้นรถ รถนี้เป็นสิ่งที่เราร้องขอเพราะมันหรูหราและรวดเร็วกว่ารถทัวร์นอนมากอยู่ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยวิธีการที่รู้กันเฉพาะคนท้องถิ่นเท่านั้น เราพยายามลองกดดูแต่แผนที่เวรกรรมใน Grab ก็ไม่มีตำแหน่งขึ้นรถที่ว่านั่น หาเท่าไร่พิมพ์เพิ่มตามเพื่อนกล่าว ที่อยู่ก็ยังไม่ปรากฎใกล้เคียง ในใจได้แต่โกรธร้านเลโก้ที่ไม่มีอยู่จริงแทน

ตอนเช้าที่ฝนเริ่มตกเราออกจากโรงแรมก่อนเวลาขึ้นรถหนึ่งชั่วโมง เราเรียกแท็กซี่พร้อมยื่นโทรศัพท์ให้คุยกับเพื่อนซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายสุดในการแก้ปัญหา รถออกมาได้ไม่นานก็ติดสนั่น น้ำตามถนนเล็กยังท่วมอยู่ตลอด การจราจรในเมืองใหม่ที่ใกล้จุดขึ้นรถคือนรกดีดีนี่เอง ถนนที่ถูกการก่อสร้างรถไฟฟ้าทำให้ทุกอย่างดูแย่ลงไปอีก เพื่อนส่งข้อความมาตลอดว่าจะถึงหรือยัง เพราะทางบริษัทรถโทรมาตาม เอาจริงๆเราตอบไปว่าใกล้ถึงแล้วทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รถมาจ่อทางเข้าถนนแห่งหนึ่งที่น้ำท่วมสูง คนขับคิดอยู่นานแล้วเร่งเครื่องลุยเข้าไป พอมาถึงเรารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เด็กรถดูหงุดหงิดทั้งๆที่เรามาถึงก่อนเวลาออกเกือบสิบนาที

Flood Hanoi
น้ำท่วมสูงมากจนเรากลัวว่าจะขึ้นรถไม่ทัน
Luxury van to Ha Giang
รถตู้ที่ปรับนอนได้ (แต่เราก็ไม่เคยเห็นเบาะมันตั้งเลยสักครั้ง) จริงๆเบาะแบบนี้ทำให้เราไม่เกี่ยงกับการนั่งรถนานๆเลย ไม่รู้สึกปวดหลังแม้แต่น้อย

พอใกล้ถึง ฮาซาง เพื่อนบอกจะมารอรับที่สถานีขนส่ง พอเราลงรถก็กลายเป็นตึกข้างถนนใหญ่แทน จึงโทรบอกเพื่อน ขนส่งที่ไม่มีใครใช้เราก็งงอยู่ สถานีที่ดูเรียบร้อยแต่ทิ้งร้างเพราะบริษัทรถต่างออกมาจอดที่ออฟฟิศของตัวเองกันแทบจะทั้งนั้น เราทักทายเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานสามปี คิดถึงและดีใจมากที่เพื่อนสบายดี ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรารู้ว่าเป็นความยากลำบากของคนที่อยู่ในสายอาชีพท่องเที่ยวมากจริงๆ พอมาถึงบ้านเรารีบเอาเลโก้ให้หลานเป็นสิ่งแรก สีหน้างุนงงกับกล่องใบใหญ่คือสิ่งตอบแทน (ความดีใจของคนต่างรุ่นคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าเป็นเราคงดีใจจนฉี่ราดกางเกงแล้วแน่นอน) พอเอากระเป๋าไปเก็บเดินลงมา หลานรีบวิ่งกลับมาที่กล่องเหมือนพยายามจะเอาใจว่าก็ดีใจอยู่นะลุง (ก่อนหน้านั้นคือไปกระโดดโลดเต้นกับการ์ตูนยูทูปเบอร์ในทีวี)

เพื่อนเราชวนออกซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปบนเขาที่บ้านเพื่อนพร้อมกับลูก แค่ไม่ถึงสิบนาทีบรรยากาศจากเมืองเปลี่ยนเป็นชนบทที่สวยงามได้อย่างสิ้นเชิง นาขั้นบันได ลำธาร ทำให้แถวนี้ดูดีมาก เตียบ (เพื่อนเรา)แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนอีกสองคน ทั้งคู่ประกอบอาชีพไกด์อิสระเหมือนกัน แต่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งดาวติ๊กต๊อกที่นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าไปด้วย เราดื่มชากันสักพักก็ออกมาที่ใจกลางหมู่บ้านชาวเย้า Dao (ซาว) เพื่อนเตียบนัดสาวๆมาถ่ายคลิปเล่นกันในช่วงวันหยุด พอมาถึงที่บ้านหลังหนึ่งริมขอบนาขั้นบันได มีสะพานไม้ทอดข้ามลำธารเล็กๆ ที่ตรงนี้โคตรจะน่ารักเอามากๆ พี่สาวคนนึงนั่งร้องเพลงในท่วงทำนองที่ต้องทำให้ต้องหยุดฟัง มันเพราะและดูเหงาหงอยแต่เพลิดเพลินอย่างบอกไม่ถูก เพื่อนเตียบบอกว่าฟังไม่ออกในการตีความเหมือนกัน แต่ด้วยที่นี่ไม่ได้มีอะไรให้ทำมาก เมื่อชายหนุ่มคนอื่นได้ยินเสียงนี้ ก็จะทำการช่วยตัวเองกัน เค้าเล่าแบบๆเขิลจริงเท็จหรือจะแค่หยอกเราก็ไม่รู้ หลังจากที่เดินชมนากันพอหอมปากหอมคอก็ต้องรีบกลับ เพราะฝนตั้งเค้ามาทำท่าจะตกหนัก ห่วงเจ้าตัวเล็กเด็กน้อยที่ซ้อนมาด้วยเดี๋ยวจะเปียกเกิน

ฮาซาง, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
พี่สาวคนนี้เธอร้องเพลงได้ไพเราะมาก
ฮาซาง, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
สาวๆชาวเย้าที่มารวมตัวกันเพื่อถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนเตียบ
หมู่บ้านนี้น่ารักมาก ออกจากเมืองมาแค่ไม่กี่นาที ที่นี่ยังไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงไม่มีที่พักหรือร้านอาหาร
ในหมู่บ้านจะมีสัตว์มากมายเดินกันให้ว่อน
นาขั้นบันไดที่นี่ก็สวยอยู่ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่มาก
ทุ่งข้าวกับวิวที่เปิดโล่งเห็นตัวเมือง ฮาซาง อยู่ด้านล่าง
ฮาซาง, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
จริงๆเรามาแค่นี้ก็รู้สึกฟินมากแล้ว

ช่วงเช้ารุ่งขึ้นเราเตรียมเก็บของเพื่อที่จะออกเที่ยวกัน คราวนี้จะมีน้องผู้หญิงจากทางเวียดนามใต้ขอตามมาเที่ยวด้วย ทริปนี้เราจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ อำเภอ Hoang Su Phi (หวางซูฟี่) เมื่อมารับน้องจางที่เพิ่งมาถึงตอนเช้าเพื่อเช่ารถมอเตอร์ไชค์ที่ Ha Giang Cozy Hostel ด้วยท่าทางที่นางเรียบร้อยตัวเล็ก เสียจนพวกเราคิดว่าจะไหวหรือไม่กับการขี่มอเตอร์ไซค์ที่ทางค่อนข้างไกล

พอได้รถเราหาอาหารเช้ากินแล้วมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน Ban Ha Thanh ใกล้ๆตัวเมือง ฮาซาง กัน เพราะเห็นว่าเวลายังได้อยู่ จะได้เป็นการดูเชิงน้องจางด้วยว่าจะขี่ไหวไหม หมู่บ้านที่เรามาแวะจะมีน้ำตกรูปหัวใจอยู่ท้ายหมู่บ้าน บรรยากาศของทุ่งนากับธารน้ำก็ทำให้ที่นี่พิเศษมากจริงๆ เสียดายที่ตั้งแต่โควิดก็ยังไม่มีการปรับปรุงสถานที่ จึงทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาค้างแรมสักเท่าไหร่

ฮาซาง, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
น้ำตกรูปหัวใจที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน
ฮาซาง, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ซึ่งจะต้องค่อยๆข้ามหินมา
บ้านที่นี่หลายหลังยังปลูกแบบดั้งเดิม รวมทั้งการมุงหลังคาด้วยฟางข้าว
ตั้งแต่โควิดก็ทำให้หมู่บ้านนี้เงียบเหงาลงไปเยอะ บ้านหลายแห่งก็ยังไม่เปิดให้บริการโฮมสเตย์
ทุ่งนาทางด้านหน้าหมู่บ้าน
ฮาซาง, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ฝนเริ่มลงเม็ด พวกเราจึงรีบออกเดินทางกันต่อ

ผ่านไปเกือบชั่วโมงเรามาแวะพักที่ร้านขายน้ำตรงทางแยก ตอนนั้นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าๆ คนขายบอกให้พวกเรารีบออกเดินทาง เพราะคนงานที่ซ่อมถนนกำลังจะพักเที่ยงพอดี ทางจาก ฮาซาง มายัง Hoang Su Phi กำลังขยายถนนจึงทำให้มีทั้งฝุ่น โคลนเละเทะตลอดทาง

เราเลยป้ายยินดีตอนรับเข้าเขตอำเภอ Hoang Su Phi มาไกลมาก แต่เส้นทางก็ยังเหมือนมาไม่ถึงไหนเสียที เราจอดที่จุดชมวิวทุ่งนาแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านล่างมีต้นข้าวสีเลือดหมูเข้มที่ปลูกเรียงเป็นชื่ออำเภออยู่ด้านล่าง เตียบเพื่อนเราก็ชวนว่าให้ขี่รถลงไปข้างล่างกัน พอลงมาถึงเราก็จอดรถแล้วเดินเท้าเข้าไปยังตำแหน่งคำที่เห็น เสียงหมาเห่าเริ่มดังมากขึ้น เจ้าของบ้านออกมาสอบถาม เตียบขออนุญาตเข้าไปชมทุ่งนาใกล้ๆพร้อมกับทาบทามถึงเรื่องอาหารกลางวันว่าสามารถจัดเตรียมให้ได้ไหม แต่ตอนนี้ในครัวว่างเปล่า เราเลยเข้าไปชมทุ่งนาในระยะใกล้กันเฉยๆ

Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ทุ่งข้าวที่ปลูกเป็นคำ และธงชาติ เราว่าดีกว่าป้ายพลาสติกหลากสีเป็นไหนๆ
Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
คุณพี่เจ้าของทุ่งนาใจดีมาก เปิดรั้วให้เราเข้าไปเดินเล่นด้านใน
Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เตียบกำลังบินโดรน
Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เดือนหน้าทุ่งข้าวที่นี่ต้องสวยมากๆแน่
Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ตามคันดินจะมีเฟิร์นขึ้นอยู่เยอะมาก

พอกลับมาที่ถนนใหญ่ หลังจากผ่านด่านถนนที่กำลังก่อสร้างมาได้ประมาณหนึ่งซึ่งคิดไปกันเองว่าอีกไม่นานก็คงจะถึงที่พัก ระยะทางที่มาจากตัวเมือง ฮาซาง คือร้อยกิโลเมตรกว่าๆ แต่นี่บ่ายแก่มากแล้วทว่ามอเตอร์ไซค์ของพวกเรายังขี่กันไปไม่ถึงไหน อุปสรรคใหญ่ในช่วงนี้คือการก่อสร้างถนน ที่ทำกันจริงจังตั้งแต่ระเบิดภูเขาจนถึงแค่เกลี่ยดิน ฝนที่กระหน่ำมาตอนเช้าได้สร้างทะเลโคลนที่ทำให้ชีวิตบัดซบเข้าไปใหญ่ เราเจอด่านที่ปิดเพื่อซ่อมถนนเป็นช่วงๆ ซึ่งปิดกันจริงจังด่านละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ผ่านด่านหนึ่งก็มาเจอกับอีกด่านหนึ่งสร้างความท้อแท้และหิวโหยมาก ห้าโมงครึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลย นั่งคุยกับเพื่อนตั้งแต่เรื่องในอดีตจนถึงอนาคตรู้สึกหมดแรงแทบจะหาใบไม้แถวนั้นมาเคี้ยวเล่นแก้หิว

กว่าที่พวกเราจะมาถึงที่พัก Ban Phung (หมู่บ้าน บั่นฟง) ก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มสร้างความเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก (ขนาดเราแค่ซ้อนท้ายเพื่อนมาไม่ได้ขี่เองยังปวดไปทั้งร่าง น้องจางเก่งมากจริงๆ เรื่องถนนยากลำบากแค่ไหนนางไม่บ่น แต่ความมืดทำให้แค่รู้สึกกลัวผี นี่ดีที่ไม่ได้เป็นคนซ้อนเตียบ เพราะคนนี้ก็หยอกถามเราว่าเห็นผีไหมอยู่ตลอดทาง ถูกใจคนชอบเรื่องลี้ลับแบบเราเป็นที่สุด) ได้ข่าวมาว่าอีกสามปีถนนจึงจะเสร็จสมบูรณ์ดี ถ้าใครจะมาควรวางแผนเรื่องเวลาให้ดีไม่งั้นคงจะแย่ได้ตั้งแคมป์กันกลางถนนแน่ๆ เส้นทางนี้เคยฮิตมาก มีภาพหมู่บ้านที่มีนาขั้นบันไดอยู่ในอินเตอร์เน็ตมากมายเต็มไปหมด แต่ช่วงนี้ในขณะที่ข้าวยังเพิ่งตั้งรวง นักท่องเที่ยวที่มาจึงมีจำนวนน้อยมาก เรียกว่าไม่มีเลยจะดีกว่า จึงทำให้นาขั้นบันไดที่นี่สงบมากกว่าที่อื่นๆในเวียดนามในช่วงเวลานี้

ฮาซาง, Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เจ้าของโฮมสเตย์ Quoc Thu เป็นชายร่างใหญ่ เค้าเตรียมอาหารมื้อเย็นให้พวกเราตอนมาถึง ไก่ผัดกระเทียมเกลือคืออร่อยมาก
Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ผักอะไรไม่รู้จะฟักก็ไม่ใช่ จะแตงก็ไม่เชิง แต่ก็หวานกรอบอร่อย

ตอนกลางคืนที่มาถึงที่พักไม่รู้จริงๆว่าหน้าตาวิวรอบๆเป็นอย่างไร เสียงไก่ขันทำให้พวกเราตื่นกันตั้งแต่เช้า เตียบเป็นผู้ชื่นชอบการล่าหมอกเมฆด้วยโดรนเป็นที่สุด เราทั้งคู่ต่างวิ่งขึ้นวิ่งลงบนบ้านและออกมาดูวิวที่ถนนทั้งๆที่งัวเงียยังกันอยู่ ท้องฟ้าและหมอกที่นี่เปลี่ยนเร็วมาก พระอาทิตย์ที่ควรจะส่องให้ทุ่งข้าวสว่างสดใสเหมือนในภาพถ่ายก็หลบอายอยู่ในเมฆหนา แต่หมอกที่ปลิวผ่านก็ทำให้ภาพที่เห็นดูสงบเย็นดีไปอีกแบบ เตียบพาเราไปที่จุดชมวิวและพยายามหาจุดที่เห็นความงดงามของหมู่บ้านอยู่หลายแห่งก่อนที่จะกลับมากินข้าวเช้ากัน

พอเริ่มสายเตียบพาเราเลาะทุ่งนาไปตามทางเดินเล็กๆอย่างระมัดระวัง (การเดินในทางคันดินที่นุ่มนิ่มหน้าฝนต้องระวังทั้งอันตรายจากการล่วงหล่นแล้ว การซ่อมแซมขั้นบันไดคงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนักกับผู้คนที่ใช้เพียงจอบเสียมในการสร้างมันขึ้นมา รวมทั้งความสูญเสียข้าวและพืชผลทางการเกษตรที่นักท่องเที่ยวเหยียบย่ำทั้งแบบตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เราควรระวังเรื่องนี้ให้มากๆ)

วิวทุ่งนาที่มองจากชั้นสองของที่พัก
Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
  • Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ

ชาวเขาเผ่า La Chi ลาจี๋ ที่มีการใช้ภาษากลุ่มไทกะไดแบบเดียวกับเราสร้างชุมชนอยู่บริเวณนี้ ที่นี่เป็นแหล่งในการชมทุ่งนาขั้นบันไดในที่สูงอันมีชื่อเสียงมากในเวียดนาม แต่ด้วยความยากลำบากจึงทำให้น้อยคนนักที่จะเลือกมาเยือนที่แห่งนี้ พอเดินผ่านเจอผู้คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่กำลังทำงานบ้านหรือกำลังง่วนกับแปลงเพาะปลูกแถวบ้าน เมื่อเตียบพูดคุยถามถึงเรื่องต่างๆ เจ้าของบ้านที่กำลังต้มเหล้าที่หมักจากข้าวโพดก็เชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในพร้อมดื่มชาสมุนไพรที่เก็บมาจากบนเขาอย่างไม่ลังเล

การมาเที่ยวกับไกด์ท้องถิ่นในบริเวณนี้มีความสำคัญมาก ไม่เช่นนั้นเราก็คงได้แต่เดินไปมาเพื่อชมความงามที่เห็นได้ด้วยตาเพียงเท่านั้น แต่น้ำจิตน้ำใจหรือบทสนทนาที่ลื่นไหลแบบที่ทำให้คนต่างถิ่นอย่างเรารู้สึกซาบซึ้งคงจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ถึงแม้เรื่องราวที่พูดคุยจะเป็นเรื่องทั่วๆไปแต่การที่พวกเราตื่นเต้นกับไข่ไก่ การย้อมผ้าและเรื่องอื่นๆก็สร้างรอยยิ้มให้กับพวกเค้าได้เช่นกัน

Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ควายเผือก สำหรับที่นี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษแตกต่างจากควายธรรมดา
Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เตียบเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของบ้านที่กำลังต้มเหล้าข้าวโพดอยู่ ซึ่งใจดีมากๆ
  • Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
Ban Phung, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เสียดายที่แดดไม่ออกเลย ด้านหลังเป็นเมฆหมอก ที่ทำให้เหมือนหมู่บ้านนี้ลอยอยู่บนฟ้า

เจ้าของโฮมสเตย์ ได้แนะนำกับเตียบให้ใช้เส้นทางอ้อมเขาตามตะเข็บชายแดนจีน เพื่อเดินทางไปเมือง Xin Man (ซินเหมิน) จุดหมายต่อไปซึ่งจะสวยกว่ามาก

แล้วก็สมคำร่ำลือจริงๆ วิวสองข้างทางจะเริ่มจากป่าสนที่มีกลิ่นหอม มีหมอกพัดผ่านไปมาทำให้สดชื่นสุดๆ พอถึงวิวเปิดก่อนที่จะเริ่มไต่ลงเขา ก็จะเห็นวิวที่อลังการมาก ภูเขาที่แผ่กว้างและสูงจนทำให้ภาพที่เห็นเหมือนเราบินอยู่บนท้องฟ้า ประหนึ่งแผ่นดินมันตั้งขึ้นมาแบบในหนังอินเซ็ปชั่น งงกับเปอสเป็คทีฟของน้ำตกที่สูงเสียดฟ้าแต่เราก้มลงมองเห็นได้จนมันดูแผ่แบนแบบประหลาด

แถวนี้มีดอกไม้สีขาวไม่ทราบชื่อที่มีกลิ่นหอมเหมือนมหาหงส์ตลอดทาง น้ำตกข้างทางก็มีให้เห็นเป็นสิบๆแห่ง บางที่ดูสวยงามจนน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เลยทีเดียว เป็นเส้นทางที่ 20กิโลที่อ้อมแล้วเพลิดเพลินมากจริงๆ

Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เส้นทางเป็นป่าสนสูงมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดเส้นทาง
Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
วิวที่เปิดโล่งจะเห็น ทุ่งนาน้ำตก สวยมาก
Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
พวกเราจอดดูวิวข้างทางแห่งนี้กันอยู่นาน
Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ระหว่างทางจะมีดอกไม้ เฟิร์นขึ้นตลอด
Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ต้นอะไรไม่รู้น่ารักดี ถูกเพื่อนหลอกว่าอร่อย แต่มันฝาดมาก
Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ดอกไม้สีขาวไม่ทราบชื่อที่มีกลิ่นหอมเหมือนมหาหงส์
น้ำตกข้างทางที่เราผ่านเป็นสิบๆแห่ง
Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ตัวเมือง Xin Man

หลังจากเก็บกระเป๋าที่ Nam Danโฮมสเตย์ (จริงๆชื่ออะไรก็รู้เพราะตอนกดหาที่พักคือมันขึ้นแค่ว่าโฮมสเตย์) เจ้าของที่พักก็แนะนำให้เรารีบไปที่ Suoi Thau ให้ตัดน้ำตกทิ้งไปก่อน ถ้าอยากจะแวะดูหินโบราณ Bãi đá cổ ก็ยังพอทันอยู่ แต่อย่าเถลไถลไปที่อื่นเพราะทางขึ้นจากในเมืองที่บอกว่าแค่ห้ากิโลเมตร แต่ว่ามันเป็นทางที่โหดหินมากจริงๆ เราออกจากที่พักตอนบ่ายสามมาถึงลานจอดของก้อนหินสลักโบราณใช้เวลาแค่ห้านาที แต่หินดังกล่าวดันต้องเดินขึ้นเขาไปอีกค่อนข้างไกล มาถึงก้อนแรกก็มีบันไดเหล็กที่กระง่อนกระแง่นให้ปีนขึ้นไปดูความว่างเปล่า หินไม่มีร่องรอยขีดเขียนหรือสลักใดใดเลย เราเดินต่อกันไปอีก คราวนี้ถึงพบกับรอยสลักนูนเหมือนอักษรจีนโบราณ ความคุ้มค่าของการมาดูหินเท่ากับศูนย์ แต่ระหว่างทางที่ผ่านหมู่บ้านทุ่งนาลำธารก็ยังถือว่าน่ารักอยู่

Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
หินที่ดั้นด้นเดินขึ้นมาไกลมาก
ยังดีที่วิวสวยดี

เรารีบเร่งเครื่องไปให้ถึงเพราะกลัวค่ำ ที่ Suoi Thau นี้ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักแม้กระทั่งในหมู่คนเวียดนามเองก็ตาม เตียบเคยเปิดรูปให้ดูแล้วพูดถึงสถานที่นี้ว่าเป็นสวิตเซอแลนด์แห่งเวียดนาม ซึ่งทำให้ความคาดหวังของพวกเราไม่ได้สูงมากนักจากสโลแกนที่ได้ยิน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งหญ้าแล้วมีภูเขาแค่นั้นก็คือสวิตเซอแลนด์แต่ที่ Suoi Thau นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของพวกเรามาถึง แค่เหลียวมองจากหางตาก็เบรครถกันตัวโกง วิวภูเขาที่นี่มันสวยมากจริงๆ ทางด้านขวาเป็นภูเขาหินปูนที่ถือว่าเป็นสเน่ห์ของ ฮาซาง ด้านซ้ายเป็นภูเขาสูงที่ลาดลงมาในแบบซาปา แม่น้ำตรงกลางในหุบลึกก็ทำให้นึกถึง Ma Pi Lang Pass อันโด่งดังที่เรามาเมื่อครั้งก่อน เราเลิ่กลั่กกันอยู่ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนอย่างไร เพราะที่นี่เป็นจุดชมวิวที่เป็นของคนในท้องถิ่นจริงๆไม่มีป้ายไม่มีสัญลักษณ์ใดๆบ่งบอกว่าจะให้เริ่มต้นตรงจุดใด มีแต่พื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด รูปในเน็ตที่คิดว่าเป็นหญ้าแท้จริงแล้วเป็นต้นข้าวแทบจะทั้งนั้น

Suoi Thau, Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เมื่อแรกที่เห็นวิวนี้คือเบรครถกันหัวทิ่มจริงๆ

พวกเราตัดสินใจขี่รถไปให้สุดทาง ถ้าตรงไหนสวยถูกใจกว่าค่อยย้อนกลับมา ที่ตื่นเต้นเพราะตะวันเริ่มคล้อยต่ำ จึงอยากหาจุดที่เหมาะให้ได้ก่อนที่จะสายเกิน แต่ที่นี่ก็ดูกว้างใหญ่ บนเนินหญ้าที่คนส่วนใหญ่มาจอดรถมันดูเหมือนยังไม่ใช่ แม่น้ำที่เห็นมันโดนเนินบังมากไปหน่อย เตียบจึงลองขึ้นโดรนดูรอบๆเพื่อหาที่ทาง

คนท้องถิ่นคนนึงก็เข้ามาพูดคุยอาสาพาขี่รถลงไปตรงจุดที่พวกเราคิดว่าน่าจะดีที่สุด พอรถมาถึงปากทางที่เป็นที่ส่วนบุคคล มันลาดลงและลื่นจนเหมือนเป็นสไลเดอร์ เตียบจอดรถแล้วกระโดดซ้อนพี่เค้าลงไปสำรวจก่อน เรากับจางค่อยๆเดินตามลัดเลาะลงเขาไปทีหลัง

พอลงเนินมาเลยยอดไม้บังเราถึงกับร้องคราง แสงที่รอดระหว่างเมฆทำให้ที่นี่ดูเหมือนสรวงสวรรค์ แดดที่โผล่บางช่วงออกสีส้มอ่อนแบบที่พระอาทิตย์คล้อยต่ำควรจะเป็น บางครั้งผ่านเมฆฝนที่ทะมึนทึน ท้องฟ้าก็กลับออกเป็นสีเทานวลดูฟ่ามฟุ้งเหมือนมุ้งยักษ์ที่ขึงท้องฟ้าอยู่ เราเดินไปมาแทบไม่ดูทางสะดุดกับอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา พวกเราอยู่ที่นั่นจนพระอาทิตย์ตกดิน พี่คนที่อาสาพามาชวนไปดื่มชาที่บ้านต่อเพื่อสนทนา เขาค่อยๆพาน้องจาง เราและเตียบซ้อนมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาถึงสองเที่ยว วันนี้เป็นวันที่รู้สึกฟินบรรลุพลุแตกของทริปจริงๆ ไม่ได้ใจเต้นแรงเมื่อเห็นวิวแล้วถึงขั้นครางเบาๆแบบนี้มานานหลายปีแล้ว เราอ้อยอิ่งอยู่นานจนมืดกว่าจะกลับถึงที่พัก

วิวคือดีสุดๆ จะหันหน้าไปทางไหนก็โคตรสวย
Suoi Thau, Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
คุณพี่ผู้ใจดี ที่นำทางมาให้เราลงมาดูวิวด้านล่างที่ฟินมาก
เตียบดูแฮ๊ปปี้มาก ซึ่งเขาก็เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเช่นกัน
ดอกไม้ป่าก็เป็นฝีมือคุณพี่ที่พาเราลงมา เมื่อปลูกพืชผลทางการเกษตรแล้วแปลงที่เหลือคือดอกไม้ป่าที่พี่เค้าเอามาโรยไว้
ทางด้านขวาเป็นภูเขาหินปูนที่ถือว่าเป็นสเน่ห์ของ ฮาซาง ด้านซ้ายเป็นภูเขาสูงที่ลาดลงมาในแบบซาปา
แสงประหลาดสวยเมื่อมองด้วยตา แต่ถ่ายรูปยากมาก
Suoi Thau, Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ถ้าไม่ได้คุณพี่พามาพวกเราลงมาก็คงจะได้แต่ชมวิวที่ริมถนน เพราะตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลและต้องลงมาไกลอยู่พอสมควร
กว่าจะกลับขึ้นไปก็เกือบมืดพอดี

ที่พักในแถบนี้ที่อยู่นอกเมืองส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบโฮมสเตย์ ที่เรากินอยู่หลับนอนกับเจ้าของบ้านจริงๆ แต่จะมีม่านมีมุ้งแบ่งเป็นสัดส่วน ซึ่งเราค่อนข้างชอบที่พักแบบนี้มาก เจ้าของบ้านก็เป็นชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษากลุ่มไท ซึ่งคำสื่อสารบางคำก็เป็นเช่นเดียวกับเรา กินน้ำ กินข้าวรวมทั้งการนับเลข พวกเรามาถึงที่พักกันจนดึกประมาณสองทุ่มกว่า เจ้าของบ้านจึงเริ่มทำกับข้าวในเวลานั้น ทีแรกคิดว่ามีแต่เพียงเราที่จะกินข้าวมื้อดึก แต่พวกเค้ากลับรอเพื่อที่จะกินด้วยกันกับเรา สร้างความรู้สึกผิดที่เถลไถลจนลืมคำนวณเวลาขากลับจริงๆ

บรรยากาศยามเช้าที่นี่ดีมาก วิวของโฮมสเตย์ก็อยู่ในจุดที่มองเห็นหุบเขาสวยงาม หลังจากลาพวกเราก็ต้องเดินทางไกลกลับ ฮาซาง ด้วยความอาลัย เพราะวันนี้มันเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ในจังหวัดที่เรารักมากที่สุดในเวียดนาม ระหว่างทางเราแวะถ่ายรูปทุ่งข้าวและน้ำตก ขากลับเราขี่กันอย่างเชื่องช้าเพราะรู้ว่าเวลาที่ชื่นชอบกำลังจะหมดลง

Suoi Thau, Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
บรรยากาศวิวจากโฮมสเตย์
Suoi Thau, Xin Man, Hoang Su Phi, Suoi Thau, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Ha giang, แหล่งท่องเที่ยวฮาซาง, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เจ้าของบ้านก็ทานพร้อมกันกับเรา
อาหารเรียบง่ายแต่อร่อยมาก เราชอบที่เค้าจะเอาน้ำจากผักลวกมาซดเป็นน้ำแกงกัน
ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่พักที่เราชอบมาก เราลาเจ้าของบ้านแล้วเดินทางมาที่น้ำตกกันต่อ

เมื่อเข้ามาถึงตัวเมืองฮาซางอากาศร้อนเหมือนตกนรก ขาเราไหม้แดดเป็นรอยแดงแสบร้อนเลยทีเดียว ถ้าใครจะขี่มอเตอร์ไซค์ในระยะทางที่ยาวนานควรแต่งตัวให้มิดชิด อย่ามัวห่วงร้อนนุ่งสั้นแบบเราทั้งๆที่เพื่อนเตือน กางเกงขายาวนอกจากช่วยกันเรื่องแดด การเดินผ่านทุ่งข้าวที่มีใบแหลมคมก็ยังป้องกันในเรื่องนี้ได้ ตอนนี้ขาเราลายพร้อยมาก

พวกเรามาซื้อของกินแล้วเข้าบ้าน คุณยายของเตียบไปเก็บผักข้างบ้านมาเตรียมผัดกินพร้อมกับเป็ดย่างที่เราซื้อ เราซักเสื้อผ้าจัดกระเป๋าคืนนี้เตรียมออกเดินทางไปซาปาต่อคนเดียว ส่วนเลโก้ที่เราให้กับหลานเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มีทั้งรถ บ้านดูเข้าทีอยู่ (ในตอนแรกที่เรากะอวดภูมิกับหลานคือจะพยายามต่อให้เหมือนรูปต้นแบบ แต่ชิ้นส่วนที่เล็กละเอียดจนน่าโมโหทำให้เราต่ออะไรไม่สำเร็จสักอย่าง) เราจากลากับครอบครัวเตียบแบบเร่งรีบ เพราะมัวแต่เล่นกันจนลืมดูเวลา คนรถซาปาต้องโทรมาตามให้ไปดักรอ

เป็ดร้านนี้ แค่เรามาอยู่สี่วันก็ซื้อไปสองครั้งแล้วอร่อยจริงๆ
ไว้มีโอกาสจะกลับมาอีกอย่างแน่นอน ขอบคุณเตียบและครอบครัวมากจริงๆที่ดูแลเป็นอย่างดี

ถ้าใครอยากมาเราจะทิ้งเบอร์ติดต่อสำหรับพูดคุยกับเตียบไกด์ท้องถิ่นที่ชำนาญจังหวัด Ha Giang , Cao Bang และพื้นที่อื่นๆทางเหนือ เตียบเป็นไกด์และเพื่อนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เค้าแวะจอดถ่ายรูปรวมทั้งค้นหาสถานที่ใหม่ๆไปกับเรา ไปเที่ยวกับเตียบแล้วเหมือนมีเพื่อนเที่ยวที่สนุกไปด้วยกันมากๆ ถ้าใครไม่ชำนาญการขี่มอเตอร์ไซค์ก็ซ้อนท้ายเค้าไปทุกที่ได้ หรือจะเช่าขี่ตามไปช้าๆแบบไม่รีบเหมือนพวกเราก็ได้อีกเช่นกัน เรื่องความปลอดภัยและสบายใจได้ในพื้นที่แถวนี้เรียกได้ว่าทิ้งตัวได้เลย ผู้คนน่ารักและทำให้เราชื่นใจอุ่นใจได้ตลอดทุกครั้งที่ได้มา

อย่างทัวร์ครั้งนี้เราเริ่มเดินทางจากฮานอยมาฮาซางแล้วค้างหนึ่งคืน อีกวันค่อยเริ่มเดินทางสามวันสองคืน วันที่กลับมาวันสุดท้ายเราก็เดินทางไปเมืองอื่นต่อได้เลยทันที นอกจากทัวร์มอเตอร์ไซค์แล้วถ้าใครอยากเดินทางด้วยรถเตียบก็สามารถจัดหาให้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างควรเริ่มที่ ฮาซาง เป็นเบสที่เตียบอยู่ การเดินทางจากฮานอยหรือเมืองใหญ่อื่นๆมาฮาซางสะดวกมากมีทั้งรถนอนหรือรถตู้หรูหราหมาเห่า(มันสบายจริงๆจนเราติดใจมาก)มาทั้งกลางวันและกลางคืน ที่พักส่วนใหญ่สามารถจัดจองรถให้เราได้อย่างง่ายดายถ้าใครอยากมาสามารถสอบถามกับเราก่อนได้ยินดีให้ข้อมูลในเบื้องต้นก่อนที่จะพูดคุยกับเตียบ หรือจะอ่านในเวปไซต์ของเราสำหรับการเที่ยวในครั้งก่อนๆของจังหวัด ฮาซาง ก็ได้ ซึ่งเราจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของน้องไว้ด้านล่างเผื่อใครตัดสินใจอยากมาเที่ยวพูดคุยผ่าน WhatsApp +84086992933

อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ

ตอนที่ 1  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – นิญบิ่ญ แหล่งท่องเที่ยวยอดเขา99ลูก

ตอนที่ 3  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – เดียนเบียนฟู เมืองแห่งประวัติศาสตร์ยุคใหม่ไฟสงคราม

ตอนที่ 4  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – ไมโจว Mai Chau หมู่บ้านชาวไทขาว

นิญบิ่ญ แหล่งท่องเที่ยวยอดเขา99ลูก

Tam Coc,นิญบิ่ญ

REMINDING ME: Nihn Bihn ,Vietnam

ตอนที่ 1  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน

นิญบิ่ญ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่หมายตาเอาไว้มาอย่างยาวนาน ด้วยภาพสายน้ำไหลผ่านทุ่งข้าวที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ จนที่นี่ได้สมญานามว่าเป็นฮาลองบก หากใครตั้งแง่กับฮาลองเบย์ไว้ว่าเหมือนกับอ่าวพังงา แล้วต้องการความต่างคือเราว่าต้องให้มาที่นี่

งงมากกับการออกเสียงจังหวัดนี้ Nihn Bihn เมื่อเทียบพยัญชนะตัวสะกดก็น่าจะเป็น ญ แต่ทุกคนกลับออกเสียงว่าเป็น นิงห์บิงห์ ยังไงก็ตามที่นี่ก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนหรือเดินทางมายากมากมาย เพราะ นิญบิ่ญ อยู่ใกล้ฮานอยเพียงแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง มีทั้งภูเขา สายน้ำ ทุ่งนา โบราณสถานให้เที่ยวได้อย่างครบถ้วน กับความตั้งใจว่าอยากจะมาชิลขี่จักรยานเล่นเป็นจูเลีย โรเบิตส์ใน Eat Pray Love คงสำเร็จแผนได้ไม่ยาก

เรามาเวียดนามในครั้งนี้แบบฉุกละหุก เพียงนัดหมายกับเพื่อนที่อยู่จังหวัดฮาซางว่าอยากจะไปหา แล้วก็จองตั๋วเครื่องบินในทันที ทุกอย่างไม่ได้วางแผนแค่ตั้งเป้าว่ามีเวลาทั้งหมด 14 วันอยากจะทำอะไรก็ทำที่ไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋ามากนัก

ดอกแรกของการจองตั๋วก็ทำให้ละลายต้นทุนในการท่องเที่ยวไปบางส่วน ไม่รู้ผู้คนมีธุระปะปังที่ต้องเดินทางไปฮานอยในวันจันทร์อังคารของเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นวันที่เรากะเอาไว้จนทำให้ตั๋วทุกสายการบินเต็มแม้กระทั่งในชั้นธุรกิจ กดเลื่อนจนมาได้วันอาทิตย์ตอนค่ำถึงมีที่ในชั้น Economy Class Premium จะให้เลื่อนวันอีกก็ดูจะเกินเลยไปแค่นี้ก็ปาเข้าไป 16 วันแล้วที่ต้องจากบ้านมา ในใจได้แต่คิดว่าจงทำได้ จงทำได้ จงทำได้กับการประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อมาทดแทนกับความหรูหราขาไปในครั้งนี้

หลังจากที่ผ่านค่ำคืนในฮานอยแบบนอนเสียเปล่า ช่วงเช้าเราก็ออกตามหาเฝอไก่ของคุณยายที่เคยกินเมื่อคราวก่อน เพราะติดใจในไก่บ้านเนื้อหนึบหนับ แต่ให้ตายเถอะ ตึกที่ต่อเติมเรียงรายแบบไม่น่าจะถูกหลักนักกับถนนที่ตัดกันไปมาจนน่าเวียนหัว มันทำให้เราหาร้านคุณยายที่เคยมาไม่เจอ เราเลยนั่งลงที่ร้านอีกแห่งที่มีคุณยายอีกคนท่าทางใจดีเหมือนกัน เฝอไก่ร้านนี้ก็อร่อยมาก ผักโรยหลากรสและกลิ่นเข้าได้ดีกับน้ำซุปใสรสกลมกล่อม การนั่งย่อยองริมถนนก็เป็นอีกอย่างที่เราคิดถึง

เมื่อหากาแฟตบตามแล้วเราก็จะเดินกลับที่พักเตรียมตัวเดินทางไป นิญบิ่ญ แต่ก็มาสะดุดกับกลิ่นหอมที่ลอยมาเตะจมูก คุณยายคนขายแกดูหน้าคุ้นๆเหมือนครั้งก่อนที่เรากำลังตามหา แพ้ทางคนแก่เข้าอีกจนได้ ขณะยืนเค้นความทรงจำคุณยายก็หันมายิ้มทำให้เราเดินเข้าไปนั่งลงอย่างว่านอนสอนง่าย แกเดินมาพูดๆเราได้แต่พยักหน้าหงึกเพราะฟังไม่ออก เฝอแพะมาวางตรงหน้าพร้อมท่าทางที่คุณยายพยายามบอกให้เราปรุงนั่นใส่นี่เพิ่ม แต่ชิมน้ำแล้วรสชาติก็ดีงามจนไม่อยากใส่อะไร เนื้อแพะก็มีรสสัมผัสที่แปลกลิ้นสำหรับคนไม่กินเนื้อวัวอย่างเรา ร้านนี้ก็อร่อยมากจริงๆ แต่ถามว่าจะจำได้ไหมว่าอยู่ตรงไหนคงเป็นเรื่องยาก ไว้จองโรงแรมที่เดิมแล้วค่อยมาด้อมๆมองๆหายายที่ทำผมทรงเดียวกันทั้งประเทศดูเหมือนจะง่ายกว่า ยอมรับว่าคิดถึงการท่องเที่ยวนอกประเทศมากจริงๆ นี่เป็นทริปประเดิมแรกหลังจากที่โควิดระบาด

Hanoi, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เวียดนามเหนือ
ฝนที่ตกมาตั้งแต่เมื่อคืนทำให้แผนไปหาขนมกินมีอันพับไป เราเลยหิ้วท้องตื่นแต่เช้าด้วยความหิว
Hanoi, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เวียดนามเหนือ
ชามแรกเป็นเฝอไก่ ถึงแม้รสชาติหลายๆร้านจะคล้ายกันแต่สูตรในการซอยผักโรยกับผักแกล้มจะทำให้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Hanoi, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เวียดนามเหนือ
เฝอแพะ ที่น้ำซุปโคตรอร่อยขนาดกินเป็นชามที่สองของเช้านี้

ยังซดน้ำซุปไม่ทันหมด ข้อความจากบริษัทรถที่เราจองไว้ส่งมาเตือนว่าจะมารับเร็วขึ้นเพื่อที่จะได้ไปรอบก่อนหน้าที่เราจองไว้หนึ่งชั่วโมง (Binh Minh Limousine อันนี้เราจองผ่านเฟสบุ๊คเพื่อนชาวเวียดนามแนะนำมา) เราก็รีบกลับมาเก็บกระเป๋าที่โรงแรม ระบบขนส่งแบบ Door to door ส่วนใหญ่ของฮานอยจะมีรถจากบริษัทหลักมารับเพื่อไปยังจุดขึ้นรถ อาจจะเป็นที่ออฟฟิศหรือตามป้ายรถแล้วแต่ยี่ห้อนั้นๆ บางทีถ้าบริษัทที่เล็กมากอาจจะมีการเรียก Grab เพื่อการดังกล่าว ค่ารถจึงขยับขึ้นลงตามระยะทางที่พวกเค้าต้องเสียเวลา แต่นับว่ามันสะดวกมากจริงๆ

ยังไม่ทัน 11 โมงรถก็มาถ่ายเราให้ขึ้นรถอีกคันเพื่อมายัง Tam Coc (ตามก๊อก) เรามองซ้ายมองขวาเห็นทุ่งนาวับๆแวมๆแซมกับตึกก็นึกหาว่าแหล่งท่องเที่ยวมันอยู่ตรงไหน รถมุ่งหน้าผ่านเวิ้งน้ำที่เป็นท่าเรือเข้ามายังทางเล็กๆ เราเห็นว่าคงเป็นเรื่องยุ่งยากหากเจอรถสวนจึงบอกให้คนขับจอดแล้วเราเดินต่อเข้าไปเอง ที่เกาะกลางน้ำมีการก่อสร้างอะไรบางอย่างจึงทำให้ที่นี่ดูรกๆยังไม่เรียบร้อย เดินมาได้ไม่นานเราก็มาถึงที่พัก Tam Coctam Boutique Garden ซึ่งเป็นที่พักเงียบสงบดี อากาศที่ร้อนกับภาพที่เห็นทำให้เราลืมตัวเผลอพูดไทยใส่น้องพนักงาน นึกว่ามาบ้านเพื่อนที่สัมมากร

Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เวียดนามเหนือ
บริเวณโดยรอบท่าเรือ Tam Coc เราว่าเป็นทางเลือกที่เงียบสงบดี

พอเก็บของเสร็จเราก็เอาจักรยานขี่ออกเที่ยวในทันที หมุดแรกที่ปักไปคือ Trang An (ฉวางอัน) เมื่อดูทิศแล้วก็เริ่มขี่ออกไปแบบมั่วๆแค่ไปให้ถูกทางจะหลงนิดหลงหน่อยก็ช่างหัวมัน ขี่ไปได้สักพักในหมู่บ้านก็มาเจอกับน้องผู้หญิงเจ้าของที่พักที่กำลังเอาขยะมาทิ้ง นางถามงงๆว่าพี่จะไปไหนขี่เล่นแถวนี้เหรอ เราบอกว่าเปล่า นางก็ชี้ว่าต้องออกไปที่ถนนใหญ่ก่อนถึงจะไปไหนต่อไหนได้ อืม เราได้แต่หัวเราะแก้เขิลเพราะคิดว่าตัวเองขี่ไปไกลไหนถึงไหนแล้ว แท้ที่จริงวนมาหลังบ้านเท่านั้นเอง

Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เวียดนามเหนือ
จักรยานที่เช่าส่วนใหญ่จะแบบนี้เหมือนกันหมด ยกเว้นแต่จะเป็นบริษัททัวร์ที่จะมีจักรยานเสือภูเขา

ด้วยความที่ไม่อยากขี่บนถนนใหญ่ เราก็หาทางเล็กทางน้อยที่ตัดผ่านทุ่งนา เพราะคิดว่าน่าจะปลอดภัยและชิลกว่า ด้วยดินที่เปียกลื่นกับอากาศที่ร้อนระอุมันทำให้ทุกอย่างลำบากมากขึ้นจริงๆ ขี่ถนนใหญ่น่าจะเร็วกว่า ด้วยระยะทาง 10 กิโลเมตร มันโคตรจะทรมาน แดดที่ร้อนจนหน้าเริ่มไหม้บวกกับความอบอ้าวในฤดูฝน ทำให้เรามาถึง Trang An อย่างหมดแรง เจ้าของที่พักได้แนะนำ ไม่ว่าเราไปเที่ยวที่ไหนก็ตามให้เข้าไปจอดในที่จอดรถแบบเสียเงิน (ราคา 10,000 ดอง) ไม่เช่นนั้นอาจโดนแกล้งปล่อยลมยางให้ต้องเข็นกลับที่พักเป็นแน่แท้

นิญบิ่ญ, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เวียดนามเหนือ
ทางที่เปียกฝนคือลื่นสุดๆบนคันดิน เราว่าอ้อมถนนใหญ่จะดีกว่าในฤดูนี้

Trang An Landscape Complex Ecotourism World Cultural and Natural Heritage ชื่อเต็มยาวมากมายแต่ก็อธิบายสถานที่ได้เห็นภาพดี มรดกโลกภูเขาหินปูนที่มีน้ำ มีถ้ำและโบราณสถาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ครบรสและมีการจัดการสำหรับคนหมู่มากได้อย่างสมบูรณ์แบบกับราคา 250.000 vnd ที่ในทีแรกเราคิดว่าออกจะสูงเกินไปนิด แต่เมื่อได้มาเห็นก็คิดว่าไม่แพงเลยทีเดียว

ตรงทางเข้าหลังจากซื้อตั๋วที่มีลานจอดรถขนาดใหญ่ มีรถบัสมากมายจอดขู่ให้เรารู้ตัวว่าที่นี่ฮิตฮอตมากใน นิญบิ่ญ จะต้องมีผู้คนมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน หลังจากต่อแถวทางเข้าที่วนไปมา ก็จะมีคนมาสอบถามว่าเราอยากจะนั่งเรือไปเส้นทางไหนในสามเส้นทาง เรายืนงงเหม่อลอยอ่านป้ายที่เขียนอธิบาย แต่ก็ได้ตอบเจ้าหน้าที่ไปว่าเส้นทางที่สองแบบเดาสุ่ม (เพื่อนชาวเวียดนามมาแนะนำทีหลังว่าเส้นสามดีสุด) พร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีกสองคนที่เป็นคู่รักกัน

น้ำที่ใสเห็นสาหร่าย ปลาหลากสีและดอกบัวหลายพันธุ์ ทำให้ที่นี่ดูดีมีชีวิตชีวามาก ตลอดเกือบสามชั่วโมงบนเรือทำให้เราเห็นว่าที่นี่มีการจัดการกับสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างน่าชื่นชมมากเลยทีเดียว น้ำใสสะอาดกว่าทุกที่ที่เคยไปมา การกระจายผู้คนไปหลายเส้นทางทำให้เกิดมุมสงบได้ซึมซับกับบรรยากาศได้เป็นอย่างดี เรือออกไปได้ไม่นานฝนก็เริ่มตก มันยิ่งทำให้ที่นี่ดูสวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีก

Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
น้ำที่นี่ใสมาก เราเห็นมีปลาสีแปลกๆอย่างสีทอง สีน้ำเงิน
เส้นทางเรือของที่นี่จะพาเรารอดถ้ำต่างๆและไปตามจุดพักที่เป็นวัดหรือโบราณสถานอื่นๆแบบไม่วนกลับทางเก่า

คุณลุงคนแจวเรือเก่งมาก เราแยกไม่ออกว่าเหงื่อหรือฝนที่เกาะอยู่เต็มใบหน้าของคุณลุง เหมือนที่นี่น่าจะถูกสั่งห้ามการใช้เท้าพายเรือ เพราะเห็นทุกลำใช้กำลังแขนแบบเดียวกันหมด ในพื้นที่แถบนี้ทุกแห่งจะใช้เรือพาย นี่ยังนึกภาพไม่ออกอยู่เหมือนกันว่าถ้าเรือทุกลำเป็นเครื่องยนต์กันหมดจะส่งเสียงดังวุ่นวายมากขนาดไหน (ภาพและเสียงที่ทะเลสาบอินเลดังกระหึ่มเข้ามาในหัว) เราหยิบพายสำรองทำท่าจะช่วยลุง แต่แกก็ทำท่าประมาณว่าไม่ต้องจะดีกว่าเดี๋ยวเรือจะแล่นเบี้ยว

สิ่งที่เห็นอีกหลายอย่างในแถวนี้นั่นก็คือนกหลายสายพันธุ์ เมื่อเรือแล่นเข้าไปใกล้ถ้าลุงเห็นพวกเราตั้งท่าจะถ่ายรูปก็จะหยุดแจวเพื่อให้เงียบที่สุด แต่นกพวกนี้ก็ไวมากไม่ดำน้ำหรือก็บินขยับตัวหนี ถ้าใครชอบแนะนำให้เอากล้องส่องทางไกลมาด้วยน่าจะดีมาก และถ้าใครมาคนเดียวเราก็อยากแนะนำให้เพิ่มเงินแล้วลงเรือคนเดียวจะดีกว่า เพราะถ้าไม่ได้นั่งหัวเรือ วิวที่ได้ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวคนอื่นแบบเรา

Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
คุณลุงฝีพายหนึ่งในแรงกายที่เราว่าน่าชื่นชม เพราะระยะทางการล่องเรือไม่ใช่ใกล้ๆ ในพื้นที่อนุรักษ์แห่งนี้เงียบสงบสวยงามเพราะพวกเขาเป็นหนึ่งในนั้น
Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ถ้ำต่างๆที่รอดออกไปเจอกับเวิ้งภูเขาหินปูน ถ้ำบางแห่งลึกมาก แต่ก็มีการติดตั้งไฟที่ทำให้เกิดความสว่างแล้วยังดูสวยงาม
Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ภูมิทัศน์ที่งดงามของยอดเขาหินปูน หลายแห่งจมอยู่ใต้น้ำบางส่วนและล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันเกือบแนวตั้ง
Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว บริเวณนี้ยังมีร่องรอยของการอยู่อาศัยสืบย้อนไปถึง 30000 ปี
Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เหล่านักพายที่พักเหนื่อยท่ามกลางสายฝน ถึงแม้จะถูกสอบถามว่าอยากจะแวะลงตามจุดต่างๆทุกครั้ง บางแห่งก็ไม่ได้น่าจะลงซักเท่าไหร่ แต่เชื่อเราเถอะว่าว่าให้ลง เพื่อที่พวกเขาจะได้พักแรงแขนกันได้บ้าง
Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
โบราณสถานต่างๆที่นี่ ถึงดูก็รู้ว่าสร้างใหม่ แต่ก็ทำได้อย่างเรียบร้อยสวยงาม
Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ที่นี่มีการกระจายนักท่องเที่ยวได้ดีมากจริงๆ มันทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าหนาแน่น

เมื่อมานั่งเติมพลังงานด้วยเฝอแพะอาหารขึ้นชื่อในแถบนี้ที่ร้านอาหารตรงลานจอด ฝนพรำทำให้อากาศเย็นขึ้นน่าจะไปต่อไหว เราปักหมุดต่อไปคือ Hoa Lu Ancient Capital (ฮัวหลิว) ห่างจาก Trang An ไปอีกเกือบห้ากิโลเมตร

พอใกล้ถึงเราโดนแม่ค้าโบกให้จอดรถจนตัวโก่ง มีมอเตอร์ไซค์มาตั้งข้างทางเหมือนด่านลอยคอยดักนักท่องเที่ยวแบบดูไม่น่ารักนิดๆสำหรับเรา คำโกหกว่าถ้าจะไปเที่ยวต้องให้จอดรถตรงนี้เท่านั้นคือความหมายที่เราพอจะเดาๆเอาจากท่าทาง (ซึ่งจริงๆแล้วเราก็เห็นคนท้องถิ่นขี่รถกันเข้าไปข้างในกันได้ จริงๆเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ หรือใกล้ทางเข้าก็ยังมีลานจอดอีกมากมาย)

ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงเก่า จริงๆแล้วร่องรอยอาจจะไม่ได้เหลืออะไรมากมาย นอกจากสุสาน และวัดที่สร้างขึ้นมาใหม่ตรงพระราชวังโบราณเดิม แต่ก็เป็นหมุดที่ปักเพื่อให้เกิดการขี่จักรยานมาถึง เราเดินเที่ยวพร้อมกับความกังวลใจเล็กน้อยถึงระยะทางขากลับที่ไกลประมาณ 16 กิโลเมตร และตอนนี้ก็เริ่มเย็นมากแล้วกับฟ้าที่มืดเพราะเมฆฝน

Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
บรรยากาศรวมๆด้านใน Hoa Lu

ตอนขี่กลับเข้าเมือง Tam Coc ถึงแม้ขามาจะเห็นด้วยตามาหมดแล้ว แต่ด้วยฝนที่ตกมันทำให้ดูสงบสวยไปคนละแบบ เราจอดแวะข้างทางนานกว่าใช้เวลาในเมืองเก่าเสียอีก พอเริ่มเข้าใกล้เมืองฝนกลับตกหนัก แต่ทุ่งนาสองข้างทางก็ดูชุ่มช่ำน่าชื่นใจทำให้วันนี้เป็นวันดีๆอีกวันหนึ่งเลยทีเดียว

Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
Trang An เมื่อมองจากถนน เราว่าที่นี่เด็ดสุดในย่านนี้
Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ถนนจาก Hoa Lu ที่ฟ้าเริ่มมืด
Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
วิวสองข้างทางมันชวนให้เราได้จอดแวะตลอด
Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
แพะอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่นนี้
Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เคยเข็ดจากการขี่ลอดอุโมงค์แบบนี้ที่กุ้ยหลิน รถบรรทุกมันดูดเราจนเกือบล้ม
Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
วิวสองข้างทางขากลับส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ
Hoa Lu Ancient Capital, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เมื่อใกล้เมือง Tam Coc ก็เกือบมืดพอดี

เช้าวันต่อมาเราตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกร้าวระบม เจ็บก้นที่เกิดจากการที่ขี่จักรยานเมื่อวานมาก ในใจเริ่มงอแงอยากเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ แต่ด้วยความรู้สึกเมื่อวานมันยอดเยี่ยมมาก เราเลยตัดสินใจที่จะขี่จักรยานมันทุกวันเมื่ออยู่ที่นี่ ลำพังวิวทิวทัศน์ที่ผ่านมาถ้าไม่ได้ออกแรงจนเอ็นโดรฟินหลั่งไหลออกมาร่วมด้วย เราอาจจะไม่ได้รู้สึกฟินขนาดนี้ก็ได้

หมุดแรกที่ปักคือวัด Bich Dong ที่ห่างออกไปแค่เกือบสามกิโลเมตร ด้านบนเขาจะมีทางทะลุถ้ำเดินไปด้านบนที่เราว่าร่มรื่นน่านั่งเล่นดี เราหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะไปไหนต่อ ใน Google ก็ปรากฎชื่อ Bird valley ขึ้นมา มันจะต้องดีงามแน่ๆ เมื่อเอามาตรฐานความสุขจาก Trang An เมื่อวานมาวัด

พอขี่มาถึงชักรู้สึกแปลกๆ ตกลงที่นี่มันเอกชนหรือของรัฐบาลเราแยกไม่ออกจริงๆ แบบจะอนุรักษ์หรือจะสวนนงนุชกันแน่ เมื่อซื้อตั๋วผ่านทางเข้าแล้วเราต้องเดินเท้าเข้าไปอีก ด่านแรกจะเป็นล่องเรือชมถ้ำพระซึ่งเป็นถ้ำตันใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ หลังจากนั้นเราก็เดินต่อไปยังทางเดินธรรมชาติเพื่อดูนก ระยะทางที่ค่อนข้างไกลอยู่พอสมควร นกสักตัวก็ไม่มีให้เห็น เมื่อสุดทางจะมีเนินเขาให้เราได้พอชะเง้อมองกลุ่มนกที่เกาะบนยอดไม้อยู่กลางน้ำได้ พอเดินกลับทางเก่าจะเจอสะพานข้ามไปยังเกาะดอกไม้ เรากลั้นใจเดินข้ามไปในป่าที่เลาะไปตามริมน้ำ ที่นี่มันเปลี่ยวจนเรารู้สึกกลัว ข้ามเกาะมาจะมาโผล่ที่สวนดอกไม้ที่เราว่าก็งั้นๆ เดินมาหลายชั่วโมงไม่มีสารอะไรหลั่งให้ได้แช่มชื่นใจเลยแม้แต่น้อย

เราซื้อตั๋วลงเรือเพิ่มเพื่อที่จะได้ไปดูนกตรงเกาะกลางน้ำ ช่วงกลางวันแบบนี้ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่ตามยอดไม้นิดหน่อย ด้วยกล้องและเลนส์ที่มีทำให้เราแทบจะไม่ได้ภาพสัตว์ปีกใดๆเลย พอเดินออกมาถึงลานจอดรถเราถึงกับงง นักเรียนหลายร้อยคนที่กรูกันเข้ามาเพื่อทัศนศึกษาที่นี่เยอะมากจนทำให้เราหารถจักรยานที่จอดไว้แทบไม่เจอ เราใช้เวลาไปกับที่นี่ไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง ไม่ใช่เพราะมัวแต่เพลิดเพลิน ทว่าที่นี่มันใหญ่มากจริงๆกว่าจะเดินไปพบกับความผิดหวังแต่ละจุดก็เล่นกินเวลานาน

Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ถ้าใครจะมา Bird Valley เราว่าที่นี่มันเฉยๆ ถ้าอยากดูนกให้มาช่วงเช้าหรือเย็นมันจะอยู่ที่รังมากกว่า
Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ที่มากกว่านกคือผีเสื้อและยุง

วัด Thai Vi คือจุดหมายต่อไป ในระหว่างทางเรามาแวะตรง Co Vien Lau ซึ่งดูวังเวงใช้ได้ เราเดินเข้าไปด้านในก็มีผู้หญิงท่าทางกำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่างเข้ามาบอกเราว่าถ้าจะเข้าที่นี่ต้องเสียเงิน เราจ่ายไปตามจำนวนที่เธอว่าแล้วเข้าไปด้านใน โอ้ในใจคิดว่าวันนี้คงเป็นวันที่ต้องสำรวจกับดักนักท่องเที่ยวแห่ง นิญบิ่ญ แน่ๆ ที่นี่เป็นหมู่บ้านจำลองชาวเวียดนามแบบต่างๆตั้งแต่รวยจนถึงแบบพอเพียง ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันจำเป็นต้องมีสถานที่แบบนี้จริงๆเหรอ ถึงแม้จะไม่ถูกใจแต่ที่นี่ก็ถ่ายรูปขึ้นอยู่เหมือนกัน เพราะมีภูเขารวมถึงถ้ำเล็กๆ

ออกมาได้อีกไม่นานก็ถึงวัดที่เป็นจุดหมาย ด้านในกำลังมีคนทำพิธีอะไรสักอย่าง มีม้ากระดาษตัวเท่าของจริงวางเรียงอยู่ด้านหน้า มีหนึ่งแถวที่เป็นช้างตัวเท่ากับม้าวางอยู่ด้วยเช่นกัน เราพยายามไปก้มๆเงยๆดูคิดถึงวิธีการนำพวกมันมาที่นี่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นป๊อปอัพหรือวางซ้อนเรียงกันมาได้ ที่จริงสถานที่ไปทั้งหมดในวันนี้ไม่ได้น่าดึงดูดสักเท่าไหร่ แต่ระหว่างทางรวมทั้งข้างหลังวัดที่ขี่เลยไปอีกหน่อยจะเป็นที่นั่งริมน้ำที่เราว่าเข้าท่ามากที่สุดในวันนี้

Thai Vi, Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
บริเวณวัดไม่ได้กว้างมาก แต่ระหว่างทางที่มากับด้านหลังวัดคือดีมาก เราเห็นคนใช้เป็นเส้นทางวิ่งในการออกกำลังกายนอกจากขี่จักรยาน
Thai Vi, Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ม้าที่ขนาดเท่าของจริง ถ้าช้างกับเรือมีสเกลสมจริงด้วยก็ดี
Thai Vi, Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ทุ่งนาด้านหน้าวัด
Thai Vi, Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
บรรยากาศระหว่างทางเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำของ Tam Coc
  • Thai Vi, Trang An, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ

เช้าวันรุ่งขึ้นเรารีบออกไปที่ท่าเรือ Tam Coc พอต่อคิวกำลังจะซื้อตั๋วเรือก็มีฝรั่งเข้ามาขอแจมด้วยเพราะไม่อยากจ่ายค่าเรือคนเดียว เห็นน้องเค้าเรียบร้อยดีคงไม่นั่งหลังตรงกางร่มตลอดเวลาทั้งๆที่ฝนไม่ตกเหมือนพวกคนที่แล้วเราจึงตอบตกลง ที่นี่จะเป็นการล่องผ่านถ้ำสามแห่งแล้ววนกลับทางเดิม ขาไปเรานั่งหน้าส่วนขากลับเราจะให้เค้านั่งบ้างเพื่อผลัดกันชมวิว เมื่อผ่านหมู่บ้านก็จะเป็นวิวทุ่งข้าวที่ตอนนี้โดนน้ำเอ่อท่วม ฝนในช่วงนี้ตกเยอะมากจริงๆ ถ้ามาในเดือนหน้าทุ่งข้าวคงเหลืองสวยเหมือนภาพจากในอินเตอร์เน็ตเราได้แต่คิดพร้อมถ่ายรูปกับสิ่งตรงหน้าที่ทุกอย่างมีความเขียวขจีจนสีในกล้องเพี้ยนแถมแดดก็ไม่ออกหลบอยู่ในเมฆสีขมุกขมัว

พอผ่านถ้ำสุดท้ายก็จะมีเรือแม่ค้าที่ตื้อขายของเก่งที่สุดในโลก เราได้ทั้งน้ำชา สับปะรด กระทิงแดงและฝรั่งทั้งกินเองและแบ่งให้กับคนพายเรือ ขากลับถ้าเราบอกกับคนพายเรือว่าอยากถ่ายรูปบนภูเขา แถวนี้ก็จะมีอยู่สองจุด ซึ่งเราแวะได้แค่ที่เดียวเพราะอีกแห่งน้ำเอ่อทางขึ้นท่วมสูง น้ำที่นี่ไม่ได้ใสเหมือน Trang An แต่ก็มีความสวยงามของภูเขาหินปูนอยู่ ถ้าใครมาเที่ยวแถวนี้แล้วต้องเลือกล่องเรือเพียงที่เดียวเราแนะนำแค่ที่ Trang An ก็พอ

Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
จุดชมวิวที่ต้องบอกคนพายเรือว่าอยากจอดแวะขึ้นไปถ่ายรูป
Thai Vi, Trang An,Hang Mua, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
น้ำที่เอ่อสูงในปีนี้ท่วมทุ่งข้าวสองข้างทางจนบางส่วนเริ่มเหลืองใกล้ตายแล้ว
Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ปากถ้ำที่เราต้องลอดผ่านสามแห่ง
Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
คนพายเรือคนนี้ถึงพูดอังกฤษไม่ได้แต่ก็พยายามอธิบายนู่นนี่นั่นจนเราซึ้งใจ

ตกบ่ายเราขี่จักรยานไปที่ถ้ำ Hang Mua ซึ่งจุดหมายหลักก็คือยอดเขาที่เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของ Tam Coc เราอ้อยอิ่งอยู่ในสวนบัวกับหุ่นปูนปั้นประหลาดๆเพื่อรอให้เย็นกว่านี้อีกหน่อย เผื่อโชคดีจะได้รูปที่มีแสงสาดส่องกับเขาบ้าง เพราะตั้งแต่มานี่มีแต่ภาพที่ดู้ร้อนๆแบนๆจากเมฆที่ฟุ้งกระจายหนา

เมื่อขึ้นบันไดไปเกือบห้าร้อยขั้น วิว360องศาจะเป็นของเราทั้งหมดพร้อมกับนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมหาศาล อากาศที่ร้อนเหนียวหนึบหนับทำให้คิดว่าอีกสักครู่ฝนก็คงตก แล้วก็เป็นดั่งว่า เดินยังไม่ทันถึงยอดลมที่พัดแรงจนทำให้นักท่องเที่ยวต่างแตกฮือหาที่หลบฝนกันยกใหญ่ ไม่นานฝนก็เริ่มหยุด อากาศดูสดชื่นขึ้นแต่ภาพที่ถ่ายยังขมุกขมัวอยู่เช่นเดิม

Thai Vi, Trang An,Hang Mua, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
ฝนที่ตกในเมืองกำลังไล่มาทางยอดเขา
Thai Vi, Trang An,Hang Mua, Nihn Bihn, Tam Coc, เที่ยวเวียดนาม, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, Things to do Nihn Bihn, แหล่งท่องเที่ยวนิญบิ่ญ, remindmelatertraveling.com, ตะลุยเวียดนามเหนือ, เวียดนามเที่ยวไหนดี, เวียดนามเหนือ, ที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, รีวิวเที่ยวเวียดนามด้วยตนเอง, วางแผนเที่ยวเวียดนาม, สถานที่เที่ยวเวียดนามเหนือ, เที่ยวเวียดนาม2อาทิตย์, เที่ยวเวียดนามด้วยตัวเอง, เที่ยวเวียดนามเหนือ
เราหลบฝนที่พัดแรงอยู่ครู่ใหญ่
ถึงที่นี่จะชื่อในหมุดว่าเป็นถ้ำ แต่ทุกคนก็มาที่ยอดเขากันอย่างเดียวมากกว่า
ก่อนทางขึ้นจะมีสระบัวหลวงขนาดใหญ่
หุ่นที่เราว่าประหลาด กวางตัวนี้อยู่ดีดีก็มีดีเทล

ในตอนเย็นเราเดินสำรวจแค่แถวๆท่าเรือกับหมู่บ้านรอบๆเพื่อเป็นการบอกลา พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับฮานอยตั้งแต่ตอนสาย พอเริ่มค่ำถนนสายหลักดูติ๊ดชึ่งมาก เสียงเพลงจากรถนำเที่ยวที่กระหึ่มเหมือนรถแห่ที่แข่งกับร้านรวงต่างๆ มันดูเกินงามกว่าคำว่าคึกคักไปหลายก้าวอยู่ แต่พอออกมาจากถนนดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นริมน้ำ หรือทุ่งข้าวทุกอย่างก็ดูแช่มชื่นเป็นที่สุด

Tam Coc มีร้านเด็ดอยากแนะนำชื่อ Ngon Vegan สำหรับคนกินมังสวิรัติหรือไม่อยากทานเนื้อสัตว์เป็นบางวันแบบเรา เหตุผลส่วนตัวเวลามาเที่ยวตามชนบทแล้วเห็นหมูหมากาไก่แล้วรู้สึกว่าน้อนน่ารัก แต่พอตกเย็นก็ลงท้องเราไปเสียแล้ว อาหารที่นี่อร่อยจนอยากให้มีแถวบ้านจะได้กินได้บ่อยๆ ขนมปังอะโวคาโดมันคือดีงาม เต้าหู้ผัดตะไคร้กระเทียมพริกก็อร่อยจนเป็นเมนูที่สั่งซ้ำอยู่ทุกวัน แกงกะทิเต้าหู้สับรสกลมกล่อมก็ทำให้อยู่ท้องได้ไปครึ่งวัน สลัดผลไม้ที่ชื่อ Buddha bowl คือนิพพานจริงๆ ตอนแรกที่เห็นเฝอผักก็เริ่มไม่แน่ใจ แต่พอซดแล้วก็อยากยกมือไหว้ขอโทษที่คิดไวไปจริงๆ

อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ

ตอนที่ 2  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – ฮาซาง จังหวัดชายแดนที่ทำให้ใจเต้นแรง

ตอนที่ 3  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – เดียนเบียนฟู เมืองแห่งประวัติศาสตร์ยุคใหม่ไฟสงคราม

ตอนที่ 4  เที่ยวเวียดนามเหนือ หน้าฝน 16 วัน – ไมโจว Mai Chau หมู่บ้านชาวไทขาว

เกาะSabtang สัจนิยมอันน่ามหัศจรรย์

REMINDING ME: Sabtang ,Batanes , Philippines

ตอนที่ 4  เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน

เกาะSabtang สร้างความปรารถนาให้เราได้สมดั่งใจ ไม่ว่าจะได้พบเจออะไรก็เป็นภาพที่ดีงามน่าชื่นชมไปเสียหมด อวยได้ตั้งแต่ตอม่อท่าเทียบเรือยันต้นมะพร้าวที่อยู่ตรงท้ายเกาะ ถ้าจะพูดเปรียบให้เห็นภาพ ก็คือ เกาะบาตัน นั้นมีความอลังการด้วยขนาดที่กว้างใหญ่ ทิวทัศน์มีพลังน่ามองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับ เกาะSabtang กลับมีเสน่ห์อันน่าอัศจรรย์ใจในขนาดที่เล็กกว่า แต่เปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งหน้าตาของท้องทะเล ภูเขาหน้าผา หรือจะเป็นหมู่บ้านแบบดั้งเดิมและผู้คน ก็ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ อันผสานเข้ากับประวัติศาสตร์ที่ยังคงดำรงอยู่ จนสามารถสะท้อนความรู้สึกถึง สัจนิยมอันน่ามหัศจรรย์ ที่แสนจะเรียบง่าย ก่อให้เกิดทั้งความน่าชื่นชมในสิ่งที่เห็นและมีบรรยากาศที่ทำให้ได้รู้สึกน่าชื่นใจในทุกขณะ นอกจากความดีงามที่ได้กล่าวมานั้น ที่นี่ก็ยังได้รับการยกย่องให้มีคุณค่าเปรียบดั่ง พิพิธภัณฑ์ที่ยังมีชีวิตของชาวอิวาตันแหล่งสุดท้ายอีกด้วย

การเดินทางมาที่ เกาะSabtang

เราจัดการมาที่นี่เป็นช่วงเวลาของกลางทริป หลังจากที่เราอยู่ที่ เกาะบาตัน มาแล้วสามคืน ตอนเช้าเราตื่นนอนตอนตีสี่ครึ่งเพื่อเก็บข้าวของ ความงัวเงียและขี้เกียจทำให้ยัดทุกอย่างลงกระเป๋าจนดูบวมใหญ่ผิดรูป เราเดินทางมาถึงที่ท่าเรือเมือง Ivana ตอนหกโมงเช้าด้วยสามล้อที่นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวนับร้อยมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว และยังคงมีรถที่ทยอยมาส่งผู้คนอีกอย่างต่อเนื่อง ในช่วงสองวันก่อนหน้าสภาพอากาศอันเลวร้ายทำให้ต้องปิดกั้นการเดินทางไปที่ เกาะSabtang ทุกรูปแบบ จึงมีนักท่องเที่ยวสะสมเป็นจำนวนมาก(ส่วนใหญ่ผู้คนจะไปเช้าแล้วบ่ายๆกลับ มีเราที่แบกสัมภาระพะรุงพะรังอยู่คนเดียว) เราลงทะเบียนและจ่ายค่าธรรมเนียมรวมทั้งค่าโดยสารทั้งหมด 100 กว่าๆเปโซ (เราลงทะเบียนโดยให้เจ้าของที่พักโทรมาก่อนล่วงหน้า แต่ก็ทุลักทุเลในการหาชื่อ-นามสกุลที่เป็นภาษาไทยอันไม่คุ้นชินหรือการออกเสียงชื่อที่พักของเราด้วยสำเนียงแบบไทยๆกับ Timetravel Lodge จนเจ้าหน้าที่อ่อนใจ มันออกเสียงยากจนเราแทบจะกัดลิ้น ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ให้เขียนชื่อลงทะเบียนใหม่อันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่ากับทุกฝ่าย) เราได้ตั๋วมาพร้อมกับเสื้อชูชีพที่ทุกคนต้องใส่ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจดูถึงความเรียบร้อยไม่ให้มีการฝ่าฝืนใดใดทุกกระเบียดจนเรือออก

เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan, Ivana port, ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์
ท่าเรือที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเกิดจากการจัดการที่ดีจนเราอดชื่นชมไม่ได้

เรือ Faluwa (หรือFalua) ที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ใช้กันในพื้นที่นี้ จะออกแบบให้ไม่มีส่วนใดยื่นออกตัวลำเรือ มีความเว้าโค้งและเชิดหน้าเพื่อรับแรงคลื่นในแถบนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อเรือจอดเทียบท่า เราลงมายืนมึนๆด้วยอาการเมาเรือ ทุกคนต้องผ่านการตรวจวัดไข้และลงทะเบียนเพื่อชำระค่าธรรมเนียม 200 เปโซ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้มีการติดต่อนัดหมายล่วงหน้ากับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อจองรถสามล้อแล้ว จึงทำให้เราและคนอีกกลุ่มหนึ่งไม่มีรถในช่วงครึ่งวันเช้า เราทิ้งเบอร์โทรศัพท์เพื่อจองรถในช่วงบ่ายเอาไว้ หลังจากนั้นก็เดินหอบกระเป๋าไปหาที่พักตรงประภาคาร เกาะSabtang ตามข้อมูลคือ จะมีอาคารหลังเล็กบนเนินผาซึ่งเปิดให้บริการเป็นที่พัก ความพิเศษของที่นี่จะอยู่ตรงบริเวณด้านข้างจะมีทางเดินลงไปยังทะเลตรงซอกผาเหมือนเป็นหาดส่วนตัวเล็กๆ เมื่อเรามาถึงรั้วกลับถูกปิดเงียบ พอสอบถามคนแถวนั้นเค้าบอกว่าในส่วนของที่พักกำลังอยู่ในช่วงการปรับปรุงปิดให้บริการ เราจึงเดินย้อนลงมาเข้าพักที่ Pananayan Pension House เป็นที่พักเปิดใหม่ เราเลือกห้องแบบห้องน้ำรวมในราคาคืนละ 500 เปโซ ห้องด้านล่างที่มีหน้าต่างบานเกร็ดเปิดไปเห็นวิวทะเลค่อนข้างถูกใจเราอยู่ไม่น้อย เราพักอยู่ที่นี่ 2 คืน

เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
เรือ Faluwa ที่บรรทุกผู้คนรวมทั้งสิ่งของจนเต็มพื้นที่ ถึงแม้ระยะทางที่โดยสารมาจะไม่ไกล แต่ความแกว่งไกวเหมือนเรือไวกิ้งที่สวนสนุกดีๆนี่เอง
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ช่วงเช้าที่ผู้คนเพิ่งข้ามเรือมา ต่างต้องลงทะเบียน เสียค่าธรรมเนียม ถึงคนจะเยอะแต่ก็เป็นบรรยากาศที่ยิ้มแย้มแจ่มใสกันดี
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข มาคุมเข้มทุกขั้นตอน
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
บรรยากาศหมู่บ้าน Malakdang แถวท่าเรือ
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ทางเดินริมทะเลแถวๆท่าเรือ ไปสู่ที่พัก
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ประภาคาร Sabtang ดูได้อารมณ์ในระยะไกล เพิ่งได้ดูหนังเรื่อง The Lighthouse กำลังอิน
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
อาคารหลังเล็กเปิดเป็นที่พักแต่ตอนนี้ปิดปรับปรุง
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
วิวจากประภาคารจากด้านท่าเรือ
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
หาดส่วนตัวเล็กๆสามารถเดินลงไปจากที่พักได้
Pananayan Pension House ห้องน้ำรวม เราได้ห้องชั้นล่างเห็นวิวทะเล

อีกความน่ากังวลใจของสิงห์อมควันอย่างเรานั่นก็คือ พื้นที่บน เกาะSabtang เป็นเขตปลอดบุหรี่ 100% ถ้าจะหาที่ลับตาเพื่อการนี้ ก็คงจะต้องระมัดระวังหาที่กำบังประหนึ่งกำลังถ่ายทุกข์หนักกันเลยทีเดียว ความจริงจังในเรื่องนี้เข้มข้นมาก เพื่อเป็นการตัดวงจรของนักสูบรุ่นใหม่ เพราะบุหรี่ถือเป็นเป็นการนำพาไปสู่สิ่งอื่นที่เลวร้ายกว่า อาการเจ็บป่วยจากการดื่มกินหรือเสพสารต่างๆนับเป็นบาปกรรมที่ยังคงพอจะห้ามปรามกันได้ บุหรี่จึงเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและต้องห้ามสุดๆในพื้นที่แถบนี้

ก่อนถึงเวลานัดหมายรถตอนบ่ายโมง เราออกเดินเท้าไปทางทิศเหนือเกือบสองกิโลเมตร จะมีแยกที่ลงไปสู่ชายหาดที่ไร้ผู้คนหรือสิ่งปลูกสร้าง มีเพียงท่าเรือที่ดูทิ้งร้างตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว เราเดินหาที่เหมาะๆใต้ร่มเงาหินและลับตาคน แล้วถอดเสื้อลงเล่นน้ำอย่างไม่ลังเล พอหนาวเกินทนก็ขึ้นมานั่งตากแดด กับฟังเพลงอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะในรัศมีทางสายตา 1 กิโลเมตรไม่มีผู้คนอย่างแน่นอน (ตรงนี้ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยว) ปกติแล้วช่วงที่เดินทางท่องเที่ยวเรามักจะฟังเพลงที่กำลังชื่นชอบแบบวนไปวนมา บางครั้งเป็นเพลงจีน (เช่น Faye wong-Love Letter to myself ตอนไปลอนดอน-ตุรกี) บางทีก็เป็นเพลงบรรเลงที่ฟังแล้วเหมือนโดนสะกดจิตที่ทำให้การเดินทางดูเร้าใจน่าหวาดหวั่นมากกว่าความเพลิดเพลิน ( เช่น Vessel – Red Sex ฟังในทริปตามรอย จอร์จ ออร์เวลล์ พม่าทางตอนเหนือ) ทั้งนี้ก็แล้วแต่อารมณ์ร่วมและประสบการณ์ที่ได้ฟังในช่วงนั้นๆ ที่มักจะไหลเทลงมารวมๆกันอย่างมั่วซั่วในขณะเดินทาง ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพลงบายเบิ่ง โดย ลำไย ไหทองคำ ดังก้องอยู่ในใจเราตลอดเวลา กับประโยคที่ว่า บ่มีอีหยังที่น้องนั้นทำบ่ได้ เฮ็ดหยังแล้วอ้ายพอใจ น้องกะแสนสิแฮปปี้ มันทำให้ทั้งฮึกเหิมและปลอบประโลมในคราเดียว เมื่อยามเหนื่อยล้าที่ต้องตรากตรำทำงานหนักช่วงก่อนออกเดินทางและเพลงนี้ก็ทำให้เรายิ้มอ่อนๆได้ทุกครั้งที่ได้ฟัง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม นับเป็นโชคดีของเราที่ได้ทั้งเล่นน้ำและได้ฟังเพลงอันไม่เข้ากับวิวมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นที่สุด โดยที่ไม่ได้ไปสร้างความอุจาดตาหรือเสียงเพลง(เสียงร้อง)จะไปรบกวนใคร

ท่าเรือที่เราแวะเล่นน้ำก่อนออกเที่ยว
เงียบสงบไร้ผู้คน ตรงนี้ไม่ได้เป็นที่เที่ยวหลัก
เห็นแดดแรงๆแบบนี้แต่น้ำเย็นมากในเดือนกุมภาพันธ์

เราเดินไปที่ออฟฟิศส่งเสริมการท่องเที่ยวของ เกาะSabtang ซึ่งตอนนี้มาตั้งอยู่ชั่วคราวในอาคารข้างโรงพักตำรวจ เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดี ขนาดพื้นที่ของเกาะไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่ได้เล็กเสียจนจะเดินไปไหนมาไหนได้สะดวก พื้นที่ด้านหลังเกาะจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จึงทำให้เราต้องทำการวางแผนเรื่องรถที่จะไปไหนมาไหนหรือเรื่องที่พักในแต่ละคืนไว้ก่อนล่วงหน้า เราสอบถามอย่างละเอียดแล้วค่อยตัดสินใจในภายหลัง แค่นัดกิจกรรมสำหรับการเที่ยวสำหรับสองวันนี้ก่อน

จริงๆแล้วด้วยขนาดและจำนวนแหล่งท่องเที่ยวของ เกาะSabtang ไม่ได้โอ่อ่ามากมายจนต้องใช้เวลาเที่ยวหลายวันถึงจะครบถ้วน เพียงครึ่งวันก็สามารถเยี่ยมชมทุกสถานที่ได้อย่างทั่วถึง หากใครที่ต้องการหลีกหนีนักท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละแห่ง เราแนะนำให้ออกเที่ยวในช่วงบ่าย(สำหรับคนที่พักแรมบนเกาะเท่านั้น) ในขณะที่คนอื่นๆกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับเกาะบาตัน จะทำสถานที่ท่องเที่ยวดูเปลี่ยวเหงาไร้ผู้คนไปถนัดตา

ร้านค้าแถวท่าเรือในอาคารเก่าแบบ Ivatan แบบดั้งเดิม
รูปปั้นหน้าสถานีดับเพลิง
บาสเกตบอลเป็นกีฬายอดฮิต ที่เราเห็นสนามแข่งทุกหมู่บ้าน
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ดอกไม้หน้าโบถส์ น่ารักดี
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
เด็กๆวิ่งเล่นกันที่หน้าโบสถ์ แถวท่าเรือ
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ตู้หนังสือที่สามารถมาหยิบอ่านได้ เราเห็นมีหลายแห่งบนเกาะบาตัน ที่นี่ก็มีเช่นเดียวกัน

แหล่งท่องเที่ยว เกาะSabtang ทางด้านเหนือ

เราแบ่งเส้นทางท่องเที่ยวด้วยสามล้อออกเป็นสองวัน วันแรกเราล่องมาทางทิศใต้ ซึ่งก็มีแต่ที่เด็ดๆจนทำให้วันที่สองตอนมาเที่ยวทางด้านเหนือนั้นดูจืดลงไปถนัดตา เมื่อเราเห็นเกาะอย่างทั่วถึงแล้ว จึงทำให้เราตัดสินใจที่จะพักค้างแรมที่หมู่บ้าน Chayayan และ Savidug ในอีกสองคืนถัดมา ระหว่างที่อยู่ทางเหนือเกาะ ในใจก็ได้แต่คิดว่าอยากให้ถึงวันรุ่งขึ้นเร็วๆ ถึงขั้นเหม่อลอยจินตนาการถึงบรรยากาศที่จะได้รับตอนที่ได้ไปนอนในหมู่บ้านเล็กๆอันแสนจะน่ารักในอีกสองคืนข้างหน้า จนบางครั้งแอบกลัวเจ้าป่าเจ้าเขาทางเหนือจะน้อยใจ พาลผลักเราตกเหวสักแห่งให้เป็น มรณสักขี กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนแถวนี้แบบไม่ต้องไปไหนด้วยความหมั่นไส้

บรรยากาศทางด้านทิศเหนือของ เกาะSabtang จะมีทัศนียภาพที่แตกต่าง ค่อนข้างดูเป็นเกาะเขตร้อน บริเวณหาด Morong จะมีซุ้มประตูหินที่นำไปสู่หาดทราย เมื่อเดินต่อไปจะพบโพรงหิน ที่สมัยก่อนทหารญี่ปุ่นเคยใช้เป็นที่กำบังหลบซ่อนในสมัยสงครามโลก หาดแห่งนี้เคยติดอันดับโลกจากการจัดอันดับหาดทรายที่ดีที่สุดอีกด้วย

เมื่อรถสามล้อแล่นผ่านผาสูงเข้าสู่หลังเกาะ ลมดูสงบไม่รุนแรง อากาศอบอุ่นขึ้นจนเราต้องถอดเสื้อแจ็คเก็ตกันลมออก ต้นกล้วยที่ขึ้นหนาตาขึ้นแซมกับพืชเขตร้อนอื่นๆ เราแวะหมู่บ้าน Nakanmaun ที่เงียบสงบ ก่อนจะเลยไปจบที่หมู่บ้านชาวประมงท้ายเกาะที่ Sumnanga พื้นที่แถวนี้เป็นแหล่งปลูกพืชผักผลไม้ที่สำคัญ เพราะด้วยเรื่องของลมที่ไม่พัดแรงจนทุกอย่างดูจะปลิดปลิวไปอย่างทางด้านทิศใต้

เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
Mayahaw Arch ซุ้มหินโค้งที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวบริเวณหาด Morong
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ในหน้าร้อนที่นี่นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำกัน
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
Nakabuang ที่เป็นโพรงถ้ำเล็กๆ
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ภายใน Nakabuang นักท่องเที่ยวนิยมใช้เป็นที่นั่งเล่นบังแดด ถัดไปยังมีอีกถ้ำที่เล็กกว่าอีกอัน
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
จุดชมวิวก่อนถึงหมู่บ้าน Nakanmaun
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
หมู่บ้าน Nakanmaun เป็นเวิ้งอ่าวเล็กๆที่อยู่ในหุบเขา
ที่หมู่บ้าน Nakanmaun ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงและการแปรรูปอาหารทะเล ถ้ามาในฤดูร้อนทั้งหมู่บ้านจะตากปลากันเต็มไปหมด
ตามตรอกซอกซอยจะสร้างบ้านกันตามถนนที่ตัดเป็นตาตาราง
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
ประตูหน้าบ้านที่มีต้นสนจักรพรรดิ์​ขึ้นกลายเป็นซุ้ม
บ้านแทบทุกหลังจะเลี้ยงไก่เอาไว้
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
หมู่บ้าน Sumnanga ที่สามารถเดินบนเขาแล้วไปลงอีกฝั่ง ขากลับสามารถเดินถนนอีกเส้นริมทะเลได้
บรรยากาศเงียบสงบดี นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมากัน เพราะส่วนใหญ่จะหยุดเล่นน้ำกันที่หาด Morong
สนามบาสของหมู่บ้าน
ต้นพญาไร้ใบที่เห็นปลูกกันเกือบทุกบ้าน
จาก Sumnanga จะมีทางเดินไปยังอีกหมู่บ้านเล็กๆ ที่บ้านแต่ละหลังจะไม่ปลูกอยู่รวมกันเหมือนหมู่บ้านอื่นๆ

แหล่งท่องเที่ยว เกาะSabtang ทางด้านใต้

นอกจากที่นั่งรถสามล้อมาเที่ยวทางด้านทิศใต้ในวันแรกที่มาถึงแล้ว เรายังพักค้างแรมที่หมู่บ้านเล็กๆอีกสองแห่งด้วย การนอนในเวลากลางคืนในโฮมสเตย์ที่เรียบง่ายคงไม่ได้สร้างความพิเศษอะไรให้มากมาย แต่การที่ได้เดินเล่น นั่งชมบรรยากาศของหมู่บ้านในช่วงเวลาที่ต่างๆกัน มันคือประสบการณ์ที่เราคาดคำนึงถึงมากกว่าสิ่งอื่นใด

หมู่บ้าน Chavayan

เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆตรงท้ายเกาะ แต่ก็มีองค์กรที่จะบริหารจัดการความเป็นไปในหมู่บ้านประหนึ่งเป็นรัฐบาลย่อยๆ กฎในการควบคุมชุมชนผู้คนในพื้นที่ที่รวมถึงการประมงและการเกษตร ทั้งยังครอบคลุมไปถึงการอนุรักษ์วิถีชิวิตความเป็นอยู่ในรูปแบบชาว Ivatan ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยว ที่ต้องการสัมผัสชีวิตในแบบดั้งเดิมจริงๆ

มู่บ้าน Chavayan เป็นอีกที่ที่เราชอบมาก
ปากทางเข้าหมู่บ้านมีศาลพระแม่มารีย์ที่ก่อแบบ Ivatan ดั้งเดิม
การสร้างบ้านแบบโบราณจะใช้การผสมผสานระหว่างหิน ทราย ประการัง เพื่อเชื่อมต่อผสานบ้านให้มิดชิดทนต่อแรงลมในพื้นที่แถบนี้ได้เป็นอย่างดี(ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซีเมนต์ยังไม่เข้ามาในพื้นที่นี้ ญี่ปุ่นเป็นผู้นำเข้ามาหลังจากนั้น)
ส่วนหลังคาจะเป็นมุงด้วยหญ้าที่ทั้งหนาและแน่น จะเปลี่ยนกันทุกๆ 30 ปี 
บ้านพักท้ายหมู่บ้านที่สร้างเกือบเสร็จแล้วแต่เจ้าของเสียชีวิตไปก่อน ที่นี่เลยไม่เคยเปิดใช้งาน

ถึงแม้ Vakul จะมีให้สำหรับนักท่องเที่ยวแต่งเพื่อถ่ายรูปตามจุดต่างๆบนเกาะ (เป็นเครื่องสานที่สวมหัวด้านหลังจะมีโครงคลุมจากไหล่ไปถึงเอว บ้างทำเป็นเหมือนเสื้อกั๊ก มีไว้เพื่อกันแดดและฝน) แต่ที่นี่ผู้สูงอายุหลายคนยังคงสวมใส่ในชีวิตประจำวันกันอยู่)

บรรยากาศของหมู่บ้านที่เรารู้สึกชื่นชอบ มีความสุขไปกับทุกสิ่งที่ได้เห็นจริงๆ

ในตอนสายเราตัดสินใจออกไปเดินเล่นหลังจากวางกระเป๋าที่บ้านพัก เพราะติดใจเมื่อเห็นหินก้อนยักษ์รูปทรงอันแสนจะดึงดูด มันตั้งตระหง่านท้าคลื่นลมอยู่อีกฝากหนึ่งของหมู่บ้าน ตรงสุดถนนจะมีทางเล็กๆที่ชาวบ้านจะใช้สัญจรกันเพื่อไปยังพื้นที่เกษตรกรรมทางด้านหลังเกาะ ถึงแม้จะไม่มีหาดทราย มีแต่ก้อนหิน ทว่าเราก็ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานหลายชั่วโมง เมื่อแสงที่ทะลุเมฆส่องผ่านคลื่นน้ำ ที่บางช่วงปลิวกระจายเป็นละอองฝอย มันยิ่งทำให้ภาพที่เห็นเกิดความดร่ามาทางสายตาได้อย่างเพลิดเพลิน

ก้อนหินหลายก้อนมีรูปทรงและมีรายละเอียดที่แปลกประหลาด บางอันดูยังเหมือนลูกบีบให้ปลิ้นรวมกันเป็นทรงคลื่น ถึงแม้ความรู้ทางธรณีวิทยาจะมีเท่ากับศูนย์ แต่สิ่งที่เห็นมันก็สร้างความบันเทิงเริงใจได้ตลอดเส้นทางจริงๆ

“เมื่อสุดทางเดิน…ทำให้ต้องชั่งใจว่าจะไปต่อหรือหยุดมองแค่จากตรงนั้น…หลายครั้งมักจะรู้สึกเสียดายว่าตอนนั้นน่าจะทำอย่างนั้น ทำไมไม่ลองไปทางนู้น หรือยืนมองมันอยู่แค่ตรงนั้นมันก็ดีอยู่แล้ว…ในครั้งนี้เราจะไม่ยอมปล่อยให้มีพื้นที่ทางเลือกแห่งความอาลัยเมื่อกลับไปให้ได้เกิดขึ้น…เราจะทำทุกอย่างที่อยากทำบนปัจจัยที่เรามี…ถึงแม้จะหกล้ม เท้าพอง หรือหิวไส้แทบขาด…ภาพที่ได้เห็น ได้สัมผัส หลายครั้งมันก็ดีเกินกว่าปัญญาของเราจะคาดเดาจินตนาการเอาไว้ หรือแม้จะไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรมากมายกับสิ่งที่เกิดขึ้น…แต่อย่างน้อยเมื่อกลับไป…ก็จะไร้ตะกอนแห่งความค้างคาใจที่จะกัดกร่อนเราได้ในทีหลัง… ครั้งนี้เราเลยถือคติบางอย่างง่ายๆท่องเอาไว้ว่า ชาตินี้คงได้มาที่นี่ ..ตรงนี้..แบบนี้..ครั้งนี้เพียงครั้งเดียวในชีวิต เพราะฉะนั้นอยากทำอะไรก็ทำ อยากไปตรงไหนก็ไป จะได้ไม่อาลัยเสียใจในภายหลัง…ดื่มด่ำกับสิ่งที่เห็นให้อย่างเต็มที่”

ที่พักในหมู่บ้านจะมีอยู่หลังเดียว เป็นบ้านที่ตกแต่งใหม่ในสไตล์กำนันผู้ใหญ่บ้านที่เต็มไปด้วยของสะสมกระจุกกระจิกมากมายในห้องนั่งเล่น แต่ห้องนอนจะมีเพียงฟูกที่อยู่กลางห้องอย่างโดดเดี่ยวดูวังเวง ที่พักราคาคืนละ 400 เปโซ ต้องติดต่อล่วงหน้ากับทางศูนย์การท่องเที่ยวเพื่อให้เจ้าของมาเปิดบ้านให้

Chamantad Tinyan จุดชมวิวบน เกาะSabtang

ตอนที่ได้มาครั้งแรก ที่นี่ก็ได้ขึ้นมาอยู่ในลิสของความฟินอันดับต้นๆในทันที เนินเขากับผาหินที่มองเห็นอ่าวทั้งสองฝั่งของทะเลจีนใต้และทะเลแปซิฟิกได้สร้างบรรยากาศที่คนรักภูเขาจะได้อินกับท้องฟ้าและน้ำทะเล ลมที่พัดแรงบวกกับอากาศที่หนาวเย็นทำให้เราลืมไปว่าเราอยู่บนเกาะในเขตร้อนชื้น

เรามาที่นี่อยู่สองครั้ง ครั้งหลังสุดคือเดินเท้ามาจากหมู่บ้าน Chavayan เรานั่งบนเนินหญ้าโดยเอาผ้าขาวม้าคลุมหัวกันแดดที่ทำให้แสบผิวอยู่หลายชั่วโมง ก่อนที่จะไต่ลงไปยังอ่าวข้างล่าง เราหลงรักที่นี่อย่างจริงจัง ยกให้เป็นที่สุดของทริปเลยก็ว่าได้ มันเงียบสงบปราศจากเสียงอื่นใดนอกจากเสียงของธรรมชาติ จนทำให้คิดถึงเรื่องต่างๆในแบบที่เพลิดเพลินใจไปได้เรื่อยๆ

ถนนที่เราเดินจากหมู่บ้าน Chavayan
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
วิวแบบนี้ทำใจเราเต้นแรงมาก
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang, เกาะSabtang
ตอนแรกก็สองจิตสองใจว่าจะไต่ลงไปที่อ่าวด้านล่างดีไหม เพราะจากประสบการณ์ Viewpoint ก็คือ Viewpoint เราควรชื่นชมอยู่ในจุดที่คนอื่นๆเขาเสพวิวกัน
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang
แต่สุดท้ายก็ลงมา ถึงแม้ด้านบนมองลงมาจะให้ความรู้สึกมีพลังอลังการมากกว่า แต่ข้างล่างก็เงียบสงบดี
เที่ยวฟิลิปปินส์ด้วยตัวเอง, remindmelatertraveling.com, แหล่งท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, เกาะบาตาเนส, เที่ยวฟิลิปปินส์14วัน, รีวิวเที่ยวฟิลิปปินส์, ที่เที่ยวฟิลิปปินส์, Batanes, เกาะBatanes, สถานที่เที่ยวฟิลิปปินส์, North Batan, south Batan,ขี่มอไซค์เที่ยวฟิลิปปินส์, Sabtang thing to do, Sabtang attraction, Top sights in Sabtang

มุมมองด้านอื่นๆที่ไม่ได้หันลงทะเลก็น่ามองด้วยเช่นกัน

หมู่บ้าน Savidug

อีกคืนที่เรามาพักในหมู่บ้านแห่งนี้ ถึงแม้ตัวบ้านจะโบกปูนสมัยใหม่ แต่การที่ตั้งอยู่ในดงกับบ้านหลังอื่นๆที่น่ารักก็เป็นสิ่งที่ดีงามอยู่ไม่น้อย

จริงๆแล้วลำพังเพียงแค่รอบๆหมู่บ้านใช้เวลาเดินไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ครบถ้วนได้ แต่การได้นั่งอ้อยอิ่งใต้ต้นมะพร้าวริมทะเล หรือจะลงไปย่ำในน้ำที่ใสแจ๋วตรงหาดด้านหลังหมู่บ้านก็คงทำไม่ได้หากไม่ได้พักค้างแรม 

ต้องขอยอมรับว่าห้องพักในบ้านแบบโบราณก็ไม่ได้สะดวกสบาย แต่เราก็ตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อยตอนมาถึง เดินเข้าเดินออกรวมทั้งโผล่หัวไปนอกหน้าต่างทักทายคนข้างนอกประหนึ่งเป็นผู้มาอยู่ใหม่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่พิเศษจริงๆ รวมทั้งวิธีการจ่ายเงินด้วย เราไม่ได้พบหน้าของเจ้าของบ้าน เมื่อรถมาส่งก็เปิดประตูกางของแล้วออกไปเดินเล่น พอกลับมากลับพบนักท่องเที่ยวคนอื่นเข้ามาชื่นชมที่พักพร้อมกองเสื้อผ้ารอการซักถึงภายในห้อง (กุญแจการล็อคที่นี่ใช้เพียงไม้ขัด ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกไม่ปลอดภัยหรือกังวลใจในเรื่องดังกล่าวสักเท่าไหร่) พอตอนจะกลับเจ้าของบ้านให้เราวางเงินไว้ในสมุดเยี่ยม 350 เปโซ (สนทนาผ่านทางโทรศัพท์)

หาดด้านหลังหมู่บ้านมีทรายขาว น้ำใส ลึกลงไปเป็นหิน แต่ถัดออกไปส่วนใหญ่จะเป็นทรายหยาบและก้อนหินที่ยาวไปจนสุดสายตา จึงทำให้พื้นที่ในแถบนี้ไม่ได้เหมาะที่จะลงเล่นน้ำเสียเท่าไหร่ แต่ความเปล่าเปลี่ยวที่ทำให้เราได้รับสุขสันโดษที่ปลีกวิเวกได้เป็นอย่างดี ก็ต้องถือเป็นความพิเศษอีกอย่างที่เราตั้งตารอ เพราะเวลาหลังเที่ยงที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กลับไปหมดแล้ว วิวทั้ง360องศาจะมีเพียงแต่ตัวเรากับความลำพังที่จะกอดคอกันชื่นชมธรรมชาติรอบๆตัวได้อย่างหนำใจ

หมู่บ้าน Savidug บน เกาะSabtang มีบ้านหินแบบดั้งเดิมของ Ivatan ที่มุงด้วยหญ้าหนา ประตูหน้าต่างจะมีเพียงบานเล็กๆที่ทาสีสันกันตามแต่รสนิยม ด้านในสุดของหมู่บ้านมีโบสถ์ St.Thomas Aquinas Chapel หลังเล็กน่ารักน่าเอ็นดูตั้งอยู่ที่มีฉากหลังเป็นเนินเขา เมื่อแรกตอนหาข้อมูลก็รู้สึกธรรมดากับหมู่บ้านแห่งนี้ แต่พอเห็นด้วยตาแล้วที่นี่กลับทำให้ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ถึงแม้โฮมสเตย์จะมีเพียงสองหลัง หลังนึงมืดสนิทแม้ในเวลากลางวันเหมือนอยู่ถ้ำ แต่บรรยากาศโดยรวมๆของหมู่บ้าน ก็ดูดึงดูดให้น่ามานอนเอามากๆ

อันตรภาวะ คือช่วงเวลาหลังความตายและรอการเกิด เป็นภพกลางในสภาวะฝัน ในภาพยนตร์หลายเรื่องที่มีการสั่งเสียถึงการนำเถ้าอัฐิของคนรักมาโปรยโรยให้ปลิวในสายลมยังสถานที่โปรด เราก็แอบชอบแนวคิดแบบดราม่าเช่นนั้นเวลาเดินทางไปเจอที่ที่ชื่นชอบ เผื่อภาวะที่ว่านั้นมีอยู่จริง จะได้เป็นสัมภเวสีในที่ที่ถูกใจ อย่างพม่าทะเลสาบอินดอจี ที่เงียบสงบก็อยากไปอยู่ ได้เกิดเป็นนกหรือปลาที่นั่นก็น่าจะดี หรือภูเขาสูงที่เมืองดงวันในเวียดนามก็น่าสน แค่หวังผลอยากสบายเพราะอากาศหนาว แต่พอมาที่ เกาะSabtang แล้วใจก็นึกคิด ว่าที่นี่มันช่างเหมาะเจาะตามท้องเรื่อง(ความเพ้อเจ้อ) เพราะมีทั้งทะเลและภูเขาในแบบที่เราชอบ สายลมอันแรงจัดคงทำให้เถ้าอัฐิกระจายได้สวยงามเหมือนในฉากหนังดี”

อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ

ตอนที่ 1  เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน – หมู่เกาะบาตาเนส Batanes โดดเดี่ยวจนโดดเด่น

ตอนที่ 2  เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน – เกาะบาตัน แหล่งท่องเที่ยวทางด้านทิศเหนือ

ตอนที่ 3  เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน – เกาะบาตัน แหล่งท่องเที่ยวทางด้านทิศใต้