สีป้อ รัฐฉาน TWILIGHT OVER BURMA

แชร์กันเลย...
Share on Facebook
Facebook
Tweet about this on Twitter
Twitter
Email this to someone
email
Pin on Pinterest
Pinterest

REMINDING ME:  Hsipaw ,Shan state, Myanmar

สีป้อ รัฐฉาน อดีตเมืองแห่งเจ้าฟ้านครรัฐทางตอนเหนือ

 มีข้อความบอกเป็นนัยๆจาก Lonely Planet ได้กล่าวถึงเมืองนี้ว่ามีความสมบูรณ์แบบอย่างเมืองทางตอนเหนือของรัฐฉาน ให้รีบมาก่อนที่จะเปลี่ยนแปลง !!!

หลังจากที่ได้นอนหลับไปเพียงสามชั่วโมง เราก็ต้องออกเดินทางไปยังสถานีรถไฟมัณฑะเลย์เพื่อขึ้นรถเที่ยวตีสี่ไปยัง สีป้อ รัฐฉาน ต้องยอมรับว่าเรื่ยวแรงทั้งหมดนั้นถูกขโมยไปตอนที่นั่งอยู่เฉยๆบนเรือโดยสารตลอด 16 ชั่วโมงที่มาจากเมืองกะตา

ตลอดทางจากโรงแรมที่เดินมายังสถานนีค่อนข้างเปลี่ยวในตอนตีสามกว่าๆ มีเพียงหมาจรจัดที่เห่าส่งเสียงคำรามตลอดทาง เหตุการณ์จากเมื่อคืนยังทำให้เราเกิดความระแวงอยู่ เพราะหลังจากที่เรือจอดเทียบท่าเอาตอนเกือบห้าทุ่ม แล้วต้องเดินเท้าจากโรงแรมแห่งหนึ่งที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างพามาส่งผิดที่ (โรงแรมทั้งสองแห่งมีชื่อที่คล้ายกันมากจริงๆ) แล้วโดนคนกระชากโทรศัพท์มือถือในขณะกำลังดูทางจาก Google Map แต่ทว่าเรากำมันไว้แน่นในขณะที่เพ่งมองเส้นทางที่สับสนอันเป็นเส้นทางลัด โจรเลยคว้าน้ำเหลว เราไม่ได้ตกใจหรือกลัวอะไรมากมาย เพราะในยามดึกเช่นนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่เสียใจกับความเปลี่ยนแปลงในหลายๆแง่ในมัณฑะเลย์มากกว่า ด้วยความประทับใจจากครั้งก่อนๆในเรื่องผู้คน ทำให้เรามองว่าพม่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยมากๆประเทศหนึ่งในโลกสำหรับการท่องเที่ยว แต่จากท่าเรือที่นั่งมอเตอร์ไซค์มาในยามดึก เราเห็นความเจริญของตึกต่างๆที่มีมากขึ้น อันกำลังสวนทางกับผู้ชายที่นุ่งโลงจีกันน้อยลงในช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งปี เห็นคนเมากำลังชกต่อยกันริมถนน รวมทั้งโสเภนีและคนเร่ร่อนที่มีอย่างหนาตาแถวสถานีรถไฟ ภาพที่เห็นมันชวนหดหู่ใจกับผลพวงแห่งการพัฒนาอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากความวุ่นวายเรื่องที่นั่งบนรถไฟในช่วงเช้า ที่เหล่าฝรั่งต่างแย่งที่นั่งริมหน้าต่างด้านซ้ายกันทั้งๆที่ไม่ใช่ที่ของตน เมื่อทุกอย่างสงบบนความบูดบึ้งของบางคนที่ถูกพนักงานรถไฟจับสลับที่ เราก็หลับเป็นตายจนกระทั่งถึงเมืองพินอูลวิน

ความโกลาหลเบาๆเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อรถไฟแล่นเข้าใกล้สะพานก๊อกเต๊ก (Gokteik) ซึ่งถือว่าเป็นสะพานรถไฟที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของโลก หลายคนพยายามที่จะเก็บภาพสะพานจนมองข้ามมารยาท มีการกระทบกระทั่งกันเบาๆจนถึงสุดเขตสะพาน

สีป้อ พม่า,เที่ยวพม่า,เที่ยวพม่าด้วยตัวเอง,Remind me later traveling,เที่ยวรัฐฉาน,วางแผนเที่ยวพม่า,รีวิวเที่ยวพม่า,remindmelatertraveling.com,สิ้นแสงฉาน,ตามรอยสิ้นแสงฉาน,,ที่เที่ยวสีป้อ,พม่าเที่ยวไหนดี,วางแผนเที่ยวพม่า 2 อาทิตย์,เที่ยวพม่า 14 วัน,พม่าตอนเหนือ,Hsipaw bu train,รถไฟพม่า,รถไฟไปสีป้อ, Gokteik,สะพานก๊อกเต๊ก,สถานที่เที่ยวสีป้อ,Bawgyo Paya,วัดบอจูพญา สีป้อ,hsipaw guide,mandalay to hsipaw,hsipaw myanmar,hsipaw palace,สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ,Hsipaw royal tomb,หอเมืองสีป้อ,Spirit house Hsipaw,Guardian Spirit of Hsipaw
สะพานก๊อกเต๊ก  (Gokteik)มีความยาว 689 เมตร (2,260 ฟุต) ถ้าขามาจากมัณฑะเลย์ให้นั่งฝั่งซ้ายจะเห็นสะพานชัดกว่า
สีป้อ พม่า,เที่ยวพม่า,เที่ยวพม่าด้วยตัวเอง,Remind me later traveling,เที่ยวรัฐฉาน,วางแผนเที่ยวพม่า,รีวิวเที่ยวพม่า,remindmelatertraveling.com,สิ้นแสงฉาน,ตามรอยสิ้นแสงฉาน,,ที่เที่ยวสีป้อ,พม่าเที่ยวไหนดี,วางแผนเที่ยวพม่า 2 อาทิตย์,เที่ยวพม่า 14 วัน,พม่าตอนเหนือ,Hsipaw bu train,รถไฟพม่า,รถไฟไปสีป้อ, Gokteik,สะพานก๊อกเต๊ก,สถานที่เที่ยวสีป้อ,Bawgyo Paya,วัดบอจูพญา สีป้อ,hsipaw guide,mandalay to hsipaw,hsipaw myanmar,hsipaw palace,สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ,Hsipaw royal tomb,หอเมืองสีป้อ,Spirit house Hsipaw,Guardian Spirit of Hsipaw
ถ้าใครมาแล้วคิดจะไปยืนตรงประตูให้ลืมไปได้เลยเพราะเจ้าหน้าที่จะมาปิดและตรวจสอบก่อนข้ามสะพาน เพื่อความปลอดภัย
สีป้อ พม่า,เที่ยวพม่า,เที่ยวพม่าด้วยตัวเอง,Remind me later traveling,เที่ยวรัฐฉาน,วางแผนเที่ยวพม่า,รีวิวเที่ยวพม่า,remindmelatertraveling.com,สิ้นแสงฉาน,ตามรอยสิ้นแสงฉาน,,ที่เที่ยวสีป้อ,พม่าเที่ยวไหนดี,วางแผนเที่ยวพม่า 2 อาทิตย์,เที่ยวพม่า 14 วัน,พม่าตอนเหนือ,Hsipaw bu train,รถไฟพม่า,รถไฟไปสีป้อ, Gokteik,สะพานก๊อกเต๊ก,สถานที่เที่ยวสีป้อ,Bawgyo Paya,วัดบอจูพญา สีป้อ,hsipaw guide,mandalay to hsipaw,hsipaw myanmar,hsipaw palace,สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ,Hsipaw royal tomb,หอเมืองสีป้อ,Spirit house Hsipaw,Guardian Spirit of Hsipaw
ด้านขวาจะเห็นน้ำตกด้วย เป็นวิวที่สวยมากๆจริงๆ
สีป้อ พม่า,เที่ยวพม่า,เที่ยวพม่าด้วยตัวเอง,Remind me later traveling,เที่ยวรัฐฉาน,วางแผนเที่ยวพม่า,รีวิวเที่ยวพม่า,remindmelatertraveling.com,สิ้นแสงฉาน,ตามรอยสิ้นแสงฉาน,,ที่เที่ยวสีป้อ,พม่าเที่ยวไหนดี,วางแผนเที่ยวพม่า 2 อาทิตย์,เที่ยวพม่า 14 วัน,พม่าตอนเหนือ,Hsipaw bu train,รถไฟพม่า,รถไฟไปสีป้อ, Gokteik,สะพานก๊อกเต๊ก,สถานที่เที่ยวสีป้อ,Bawgyo Paya,วัดบอจูพญา สีป้อ,hsipaw guide,mandalay to hsipaw,hsipaw myanmar,hsipaw palace,สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ,Hsipaw royal tomb,หอเมืองสีป้อ,Spirit house Hsipaw,Guardian Spirit of Hsipaw
ตั้งแต่ข้ามสะพานมาวิวจะเปลี่ยนเป็นแบบที่ราบสูง มีดอกไม้หรือการทำการเกษตรตลอดสองข้างทาง
สีป้อ พม่า,เที่ยวพม่า,เที่ยวพม่าด้วยตัวเอง,Remind me later traveling,เที่ยวรัฐฉาน,วางแผนเที่ยวพม่า,รีวิวเที่ยวพม่า,remindmelatertraveling.com,สิ้นแสงฉาน,ตามรอยสิ้นแสงฉาน,,ที่เที่ยวสีป้อ,พม่าเที่ยวไหนดี,วางแผนเที่ยวพม่า 2 อาทิตย์,เที่ยวพม่า 14 วัน,พม่าตอนเหนือ,Hsipaw bu train,รถไฟพม่า,รถไฟไปสีป้อ, Gokteik,สะพานก๊อกเต๊ก,สถานที่เที่ยวสีป้อ,Bawgyo Paya,วัดบอจูพญา สีป้อ,hsipaw guide,mandalay to hsipaw,hsipaw myanmar,hsipaw palace,สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ,Hsipaw royal tomb,หอเมืองสีป้อ,Spirit house Hsipaw,Guardian Spirit of Hsipaw
รถไฟตอนที่กำลังแล่น มีความโยกเยกรุนแรงระดับหลายริกเตอร์ จนหลายคนไม่สามารถเข้าห้องน้ำตอนที่รถกำลังแล่นได้ รองเท้าคงเปียกกันแน่ๆ
หัวรถจักรที่ทาสีใหม่เอี่ยมจอดเทียบชานชลาเมืองสีป้อ

เมื่อมาถึงก็จะมีบรรดารถรับจ้างที่ถือป้ายชื่อโรงแรมต่างๆมารับ บริการฟรี หลังจากที่เก็บกระเป๋า เราก็เริ่มออกเดินเล่นในทันที ถนนเส้นหลักล่าเสี้ยว- มัณฑะเลย์เต็มไปด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่แล่นรับส่งสินค้าไปยังชายแดนจีน จึงไม่ค่อยเป็นมิตรกับยานพาหนะชนิดอื่นซักเท่าไหร่ รวมทั้งถนนบางช่วงไม่มีทางเท้าเวลาเดินต้องคอยหลบระวัง 

เราเดินไปตรงริมแม่น้ำจนตัดกลับเข้าเมืองไปแถวลิตเติ้ลพุกาม ซึ่งจะมีเจดีย์เก่าเรียงรายกันอยู่ ตามทางเดินตลอดจนในธารน้ำใสมีขยะมูลฝอยอยู่มากมาย ที่วัดเล็กๆแห่งหนึ่งก็มีเด็กๆจับกลุ่มกันคอยขอเงินจากนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูป รวมทั้งชายวัยกลางคนที่คอยขอเงินเพื่อไปกินเหล้าทั้งๆที่ยังไม่สร่างเมา เราไม่ถือโทษโกรธกับสิ่งที่เจอ แต่มักจะมองสะท้อนย้อนไปถึงต้นตอของความสะเพร่าจากนักเดินทางที่เคยผ่านมาเสียมากกว่า และความอดทนเราหมดสิ้นหลังจากที่เห็นฝรั่งคนนึงกำลังเอาขนมซองๆให้เด็กที่เข้ามาห้อมล้อมอย่างเกือบจะไร้เดียงสา แต่ที่น่าเกลียดกว่าจิตสำนึกที่มีในเรื่องนี้ นั่นก็คือกางเกงขาสั้นกุดและสายเดี่ยวที่นางใส่ มันโป๊ะเกินกว่าจะมาเดินเล่นในวัดหรือตามถนนในพม่า และถ้าไม่เห็นแก่ป้ายรรณรงค์ในเรื่องนี้ที่มีแปะอยู่ทั่วไป อย่างน้อยก็ควรจะเห็นใจเซลลูไลท์ที่ต้องหนาวเหน็บตรงต้นขากันบ้าง เราคงจะไม่หงุดหงิดขนาดนี้ถ้าคนๆนี้ไม่ใช่คนเดียวกันที่สร้างความวุ่นวายบนรถไฟเรื่องที่นั่งริมหน้าต่างในตอนเช้า แต่สิ่งที่ทำได้เราก็แค่ถอนหายใจแล้วเดินไปอีกทาง….

สีป้อ พม่า,เที่ยวพม่า,เที่ยวพม่าด้วยตัวเอง,Remind me later traveling,เที่ยวรัฐฉาน,วางแผนเที่ยวพม่า,รีวิวเที่ยวพม่า,remindmelatertraveling.com,สิ้นแสงฉาน,ตามรอยสิ้นแสงฉาน,,ที่เที่ยวสีป้อ,พม่าเที่ยวไหนดี,วางแผนเที่ยวพม่า 2 อาทิตย์,เที่ยวพม่า 14 วัน,พม่าตอนเหนือ,Hsipaw bu train,รถไฟพม่า,รถไฟไปสีป้อ, Gokteik,สะพานก๊อกเต๊ก,สถานที่เที่ยวสีป้อ,Bawgyo Paya,วัดบอจูพญา สีป้อ,hsipaw guide,mandalay to hsipaw,hsipaw myanmar,hsipaw palace,สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ,Hsipaw royal tomb,หอเมืองสีป้อ,Spirit house Hsipaw,Guardian Spirit of Hsipaw
รถบรรทุกมากมายแล่นผ่านถนนสายหลักไปล่าเสี้ยว-มัณฑะเลย์
สีป้อ พม่า,เที่ยวพม่า,เที่ยวพม่าด้วยตัวเอง,Remind me later traveling,เที่ยวรัฐฉาน,วางแผนเที่ยวพม่า,รีวิวเที่ยวพม่า,remindmelatertraveling.com,สิ้นแสงฉาน,ตามรอยสิ้นแสงฉาน,,ที่เที่ยวสีป้อ,พม่าเที่ยวไหนดี,วางแผนเที่ยวพม่า 2 อาทิตย์,เที่ยวพม่า 14 วัน,พม่าตอนเหนือ,Hsipaw bu train,รถไฟพม่า,รถไฟไปสีป้อ, Gokteik,สะพานก๊อกเต๊ก,สถานที่เที่ยวสีป้อ,Bawgyo Paya,วัดบอจูพญา สีป้อ,hsipaw guide,mandalay to hsipaw,hsipaw myanmar,hsipaw palace,สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ,Hsipaw royal tomb,หอเมืองสีป้อ,Spirit house Hsipaw,Guardian Spirit of Hsipaw
คลองสายเล็กๆที่ไหลไปรวมกับแม่น้ำดุทาวดี (Duthawadi)
ถึงจะมีขยะอยู่มากมายแต่น้ำก็ใสมาก
Little Bagan พุกามน้อย ที่อยู่ชายขอบเมือง
แถวนี้จะมีหมู่เจดีย์เล็กๆ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการพัฒนาโลกสมัยใหม่ที่ยังไม่สมบูรณ์พร้อม สำหรับต้องรองรับปฏิกูลที่เกิดขึ้น ป้ายรณรงค์พร้อมทั้งคำอธิบายอย่างละเอียดในห้องพักถึงการได้มาซึ่งน้ำร้อนที่ใช้อาบ อันได้มาจากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ถังน้ำขนาดใหญ่ที่มีไว้ให้นักเดินทางกรอกน้ำดื่มในขวดใบเก่าหรือภาชนะที่เตรียมมา เราเห็นความพยายามของคนที่นี่ในการรักษาความพึงพอใจให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมที่ต้องเผชิญ แต่ต้องยอมรับว่ายังมีบางคนที่ยังไม่คำนึงถึงสิ่งดังกล่าว เรายังเห็นแขกที่ลงมาบ่นพนักงานเรื่องน้ำร้อนกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตในตอนเช้า หรือนักท่องเที่ยวหลายคนที่ยังบริโภคในแบบที่ตัวเองคุ้นเคย ขยะที่เราทิ้งลงถังไม่ได้หมายถึงการถูกกำจัดโดยสมบูรณ์ ในเมืองที่ห่างไกล เราควรมองสิ่งเหล่านี้ให้ระมัดระวังมากกว่าเดิม การดื่มน้ำชาร้อนหรือเลือกรับประทานขนมและอาหารที่เกิดจากการปรุงในพื้นที่ ไม่มีบรรจุภัณฑ์ที่จะสร้างภาระในภายหลังเป็นสิ่งที่ต้องคำนึง

ถึงแม้เราจะยังไม่ได้สำรวจที่นี่อย่างจริงจัง แต่ว่ากับสามคืนที่จะต้องอยู่ มันก็คงจะมากเกินไปสำหรับสีป้อโดยที่ไม่ได้ไปเดินเขาและสิ่งที่พบเห็นในวันนี้ ในเย็นนั้นเองเราจึงตัดสินใจติดต่อเพื่อเช่ารถที่จะเดินทางไปยังเมืองแสนหวีในวันรุ่งขึ้นโดยทันที เมื่อจัดการธุระในส่วนนี้ให้เป็นที่สบายใจ เราก็ออกไปเดินต่อ เนินเขา Sunset hill เพื่อชมพระอาทิตย์ตกเป็นจุดหมาย แต่แล้วในที่สุดก็เถลไถลจนเกือบมืดโดยที่ยังไม่ไปถึงไหน และได้แวะกินข้าวที่แผงขายอาหารแห่งหนึ่งแถวเกือบนอกเมือง ความวุ่นวายจากการถามถึงก๋วยเตี๋ยวฉานจากคนต่างชาติได้สร้างความลำบากใจในการสื่อสารให้กับเจ้าของร้านที่ไม่คุ้นชินกับภาษาอังกฤษ  เธอร้องเรียก “แม่” ที่กำลังง่วนอยู่กับการหั่นผักอย่างเสียงดัง เราได้ยินคำว่า “แม่”เต็มสองหู จึงเปลี่ยนใจบอกกลับไปว่า “แม่ขอกินข้าว” ทุกคนดูโล่งใจและหัวเราะออกมา จนเกิดการพูดคุยที่รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่งแต่ก็ครื้นเครงกันดีระหว่างคนไทยกับชาวไทใหญ่ ค่ำวันนั้นที่ร้านข้าวกับบทสนทนาอยู่ดีกินหวานเป็นสิ่งที่เราประทับใจที่สุดของการเดินทางในวันนี้

แสงสุดท้ายของวัน ทางเดินจากร้านข้าวกลับที่พัก
บรรยากาศแบบชนบทกับลำธารสายเล็กๆในแถวนอกเมืองจะไม่ค่อยมีขยะ

สถานที่เที่ยวสีป้อ

บรรยากาศในเชิงรัฐชาติหรือชาติพันธุ์ ได้กำลังถูกผสมให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว เหมือนๆกับที่อื่นๆภายในประเทศพม่า แต่กระนั้นความเป็นเอกลักษณ์แห่งภูมิภาคและอัตลักษณ์บางอย่างในบริเวณนี้ก็ยังนับว่ามีเสน่ห์หลงเหลืออยู่มากภายในเมืองที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาแห่งนี้

หลังจากที่เราไปเที่ยวเมืองแสนหวีในวันก่อน เรายังมีเวลาในสีป้ออีกหนึ่งวันเต็ม ช่วงเช้าเราไปเดินตลาด ถึงแม้ที่นี่จะไม่คึกคักเหมือนที่มิตจีนาหรือไม่หวือหวาเอ็กโซติกแบบอินเล แต่ก็มีความน่ารักและผู้คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใจกันดี ในตอนเช้าหมอกลงจัดอากาศหนาวเกินกว่าเสื้อผ้าธรรมดาจะเอาอยู่ แต่เมื่อแดดออก แค่เสื้อยืดกับแจ็คเก็ตบางๆหน่อยก็เพียงพอ บางทีเราต้องพกเสื้อหลายตัวในกระเป๋าเพื่อสภาพอากาศของที่นี่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน

เมื่อเราพยายามหลีกเลี่ยงถนนเส้นหลักที่มีแต่รถบรรทุก ถนนเส้นเล็กๆด้านในเมืองก็เป็นทางเลือกของการเดินเล่นที่ดี มีบ้านหรืออาคารเก่าๆที่น่ารักอยู่หลายแห่ง จากวัดมหามัยมุนีแห่งสีป้อเราก็เดินเลาะมาเรื่อยจนถึงด้านหน้าที่เป็นสำนักงานไปรษณีย์ ซึ่งจะมีรถรับจ้างจอดรออยู่ เราจึงเหมารถเพื่อเดินทางออกรอบๆนอกเมืองในระยะทางที่ไม่สามารถเดินถึงได้ (ราคา 10000 Kyat ที่เหมาจนถึงเกือบบ่ายสาม โดยที่ระบุพิกัดไม่ไกลเกินกว่าวัดบอโจพญา)

ถนนเส้นเล็กตรงทางเข้าตลาดเช้า
คนที่นี่น่ารัก ยิ้มง่าย
ภายในตลาดบางส่วนจะมืดๆ แม่ค้าบางส่วนจะจุดเทียนกันเพื่อให้เกิดแสงสว่าง จนบางคนเรียกติดปากว่า ตลาดแสงเทียน
อากาศในช่วงเช้าจะหนาวมาก ในวันหยุดคนส่วนใหญ่จะมาจับจ่ายในช่วงสายๆที่แดดออกกันมากกว่า
ภายนอกตลาดก็จะมีของวางขายริมถนนด้วยเช่นกัน

ทางเข้าสวนหย่อมที่เมืองสีป้อ
วัดมหามัยมุนีที่สีป้อ ด้านหลังจะเปิดเป็นโรงพยาบาลที่รักษาโรคตาให้กับคนไข้ฟรี
อาคารด้านใใน มีผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาตากันเป็นจำนวนมาก ตรงนี้เป็นศาลาการเปรียญ
พระพุทธรูปใต้ต้นโพธิ์ใหญ่แถววัดมหามัยมุนี
ภายในร้าน Hsipaw house ที่ภายในตกแต่งน่ารักดี
ร้าน Hsipaw house มีเครื่องดื่มและอาหารในราคาไม่แพงจำหน่าย ตกแต่งร้านได้น่ารักมาก
ถนนเส้นเล็กๆภายในเมืองสีป้อ
วัดจีนภายในเมือง

ร้านขายของพื้นเมือง
คูคลองที่ไหลภายในเมือง

แม่น้ำดุทาวดี (Duthawadi) ในตอนเช้า

จุดหมายปลายทางแรกที่เรานั่งรถมาก็คือวัด วิหารพระสี่องค์ หรือที่เรียกว่า บอโจพญา (Bawgyo Paya) ซึ่งถือเป็นวัดที่สวยงามที่สุดในเมืองสีป้อ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวไทใหญ่ อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 8 กม.ซึ่งภายในวิหารจะมีการประดับทับทิมและกระจกสวยงามเป็นอย่างมาก แต่ละด้านจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานประจำแต่ละทิศ ซึ่งผู้คนต่างนำทองคำเปลวมาแปะถวายสักการะจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม (สามารถซื้อทองคำเปลวแล้วเจ้าหน้าที่ของทางวัดจะนำกุญแจมาไขกระจก เพื่อให้เราสามารถเข้าไปแปะทองได้ ผู้หญิงห้ามเข้าภายในนะครับ)

ชื่อของวัดแปลอย่างตรงตัวได้ว่า ‘พ่อมารับฉัน’ ซึ่งตามตำนานได้กล่าวถึงเจ้าฟ้าไทใหญ่พระนามว่า เจ้าเสือข่านฟ้า กษัตริย์แห่งเมืองแจลาน ซึ่งได้หัวใจสลายจากเหตุการณ์ที่ต้องยกลูกสาว ซอมอนหล่า ให้อภิเษกสมรสกับกษัตริย์พม่าแห่งอาณาจักรพุกาม พระเจ้าอโนรธามังช่อ หรือ พระเจ้าอโนรธา(Anawrahta) เพื่อเป็นหนึ่งในข้อตกลงทางสันติภาพในขณะนั้น ทางกษัตริย์พม่าเองก็ทรงรักและเอ็นดูนางเป็นอย่างมาก ซึ่งได้สร้างความริษยาให้กับเหล่าราชินีและนางสนมทั้ง 7 ถึงกับกุข่าวใส่ร้ายหาว่านางคือสายลับเป็นบ่อนทำลายชาติ ทางกษัตริย์เองก็ไม่ได้หลงเชื่อในข่าวลือดังกล่าว แต่ก็ทรงเห็นว่าอาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นได้ จึงส่งตัวนางกลับมาที่บ้านเกิด แต่ทว่าในระหว่างการเดินทางที่ยาวไกลนั้น เธอได้เกิดป่วยตายไปเสียก่อน จุดที่เธอเสียชีวิตได้กลายเป็นที่ตั้งของเจดีย์ และเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งทางมิตรภาพของชาวไทใหญ่ – พม่าในขณะนั้น

เพดานทางเดินเข้าวัด สีสวยมาก
กระจกสีที่ใช้ประดับภายในพระอุโบสถ
เพดานที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

 

เมื่อขับย้อนกลับมาจะพบกับวัดเล็กๆทางขวามืออยู่ติดกับแม่น้ำตู ไม่ไกลจากเจดีย์บอโจพญามากนัก เป็นที่ตั้งของเจดีย์ซอมอนหล่า(Saw Mon Hla) เป็นจุดที่เจ้าเสือข่านฟ้า พระราชบิดา มารอรับพระราชธิดาที่จะเสด็จกลับจากพุกาม พระองค์จึงสร้างเจดีย์แห่งนี้อีกแห่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความสูญเสีย ภายในมีศาลของซอมอนหล่าและเจ้าเสือข่านฟ้า ที่คนมากราบไหว้บูชาขอพร

แม่น้ำตูด้านหลังวัด
ศาลซอมอนหล่า ภายในวัด
ขากลับเข้าเมืองเราแวะที่น้ำตกน้ำฮูนวะ (Nam Hunwet Fall) ซึ่งเป็นทางผ่าน ซึ่งน่าจะฮิตในหมู่วัยรุ่นของท้องถิ่น สำหรับเรามันไม่สวยงามเลยซักนิด  ลงรูปไว้เผื่อใครคิดจะมา

สุสานหลวงเจ้าฟ้าสีป้อ (กู่เจ้าฟ้า) ตั้งอยู่บนภูเขา หล่วยโม๊ะต่อง ห่างจากเมืองสี่ป้อมาทางตะวันตก 6 ก.ม จะอยู่เลยด้านหลังวัดที่มีเจดีย์ลูกโลก ขากลับเข้าเมืองจากวัดบอโจพญาจะอยู่ทางซ้ายมือ จากที่ตั้งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านภูเขาที่มีน้ำตกได้อย่างสวยงาม สถานที่ดูหงอยเหงาเศร้าสร้อย ไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่เมืองหยองห้วย (หย่องฉ่วย) หรือที่เมืองแสนหวี ก็มีบรรยากาศไม่ได้แตกต่างกัน เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นจะสะท้อนหรือบ่งบอกอะไรในเรื่องนี้…

เจดีย์ลูกโลก จะมองเห็นแต่ไกล
สถาปัตยกรรมในรูปแบบผสมผสานระหว่าง ไทใหญ่ พม่า และยุโรป
ถึงแม้จะเพิ่งจะมีการทำความสะอาด ถางหญ้าไปแต่เราก็ว่าที่นี่ยังขาดการรักษาดูแล จนอดเป็นห่วงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ได้
สุสานหลังใหญ่จะเป็นที่ฝังพระศพของเจ้านายฝ่ายชาย
สุสานหลังเล็กจะเป็นที่ฝังพระศพของเจ้านายฝ่ายหญิง
ภายในจะมีความอ่อนช้อยของปูนปั้น ถึงแม้จะเหลือให้เห็นอยู่เพียงน้อยนิด

เมื่อกลับเข้าเมืองเราเห็นว่ายังพอมีเวลาก่อนที่จะไปหอคำเมือง จึงให้รถไปส่งที่ หอเมืองสีป้อ (Sao Pu Sao Nai)  เป็นที่อยู่ของสิ่งศักดิ์สิทธ์เปรียบเสมือนศาลผีเมือง วิญญาณผู้พิทักษ์ประจำชุมชนบรรยากาศที่นี่ไม่ได้เงียบเหงาวังเวงเหมือนในแสนหวี ผู้คนมากราบไหว้ขอพรกันอย่างมากมาย ซึ่งมีจำนวนที่หนาตากว่าวัดใดใดที่ได้ไปมาทั้งหมดภายในวันนี้จนน่าแปลกใจ

พอเวลาใกล้บ่ายสามโมง เราจึงรีบเดินเท้าไปที่หอคำเมืองเจ้าฟ้าสีป้อ ซึ่งปกติจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมในเวลา 15.00-17.00 เราเดินตาม Google map ซึ่งพาเรามาโผล่ที่ด้านหลังวังไม่ใช่ประตูทางเข้า จึงลองถามคนแถวนั้นเพื่อหาทางลัดที่เห็นหลังคาของวังอยู่ใกล้ๆในดงไม้ เมื่อมาถึงก็พบกับแผ่นป้าย “วันนี้ปิดทำการ” พร้อมโซ่กุญแจที่ล็อคอย่างหนาแน่น เรารออยู่ชั่วครู่ก็มีฝรั่งหลายคนตามมาสบทบเพื่อพบกับความผิดหวัง บางคนบอกว่าอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วแต่วังก็แขวนป้ายอยู่เช่นนี้ทุกครั้งที่มา ถึงแม้จะผิดหวัง เพราะการตามรอยสิ้นแสงฉาน แล้วขาดการเยี่ยมชมหอคำหลวงของเจ้าจาแสง และเจ้านางสุจันทรีก็อาจจะเรียกได้ว่า เหมือนมาไม่ถึงเมืองสีป้ออย่างแท้จริง

หอคำเมืองสีป้อแห่งนี้สร้างอยู่บนเนินเล็กๆที่ทำให้มีทางเข้าออกได้เพียงทางเดียว จุดนี้เป็นจุดที่สามารถมองเห็นวังได้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปในบริเวณรั้ว
ป้ายที่สร้างความสะเทือนใจมากให้กับทริปนี้ T.T
เราเลยเดินเล่นอ้อมรอบๆวัง บ้านแถวนี้น่ารักดี
ตัวหอคำจะอยู่บนเนินสูง ด้านนี้เป็นด้านหลัง เราหวังว่าจะได้เห็นจากมุมอื่นๆบ้าง แต่เมื่อสำรวจโดยรอบแล้วก็พบแต่รั้วคันดินที่สูงตระหง่าน

เราจึงได้แต่เดินเล่นแถวรอบๆกำแพงที่ยกตัวสูง เดินอ้อมไปทางแม่น้ำจนทะลุทางเดินที่เป็นทุ่งนา และวกกลับอ้อมมาอีกทางเพื่อเดินไปยัง Little Bagan อีกรอบ ในวันนี้ความรู้สึกต่างไปจากวันก่อนโดยสิ้นเชิง ถึงแม้จะอกหักจากหอคำ แต่วัดและสถูปเจดีย์เก่าในย่านเมยาะมโย (Myauk Myo ไม่รู้สะกดคำไทยถูกหรือเปล่านะครับ) ดูสวยงามและช่วยปลอบใจในความผิดหวังได้เป็นอย่างดี เราเข้าไปกราบพระไม้ไผ่อีกครั้ง กลิ่นอาคารไม้สักเก่ามันไม่ได้หอมหวลเหมือนดอกไม้ แต่เป็นกลิ่นแห่งอดีตที่ยากจะหาสิ่งใดเหมือน เราเดินกลับไปอีกทาง เลาะไปตามลำธารจนทะลุแม่น้ำใหญ่ เดินเลยจนไปขึ้นฝั่งอีกทีแถวตลาด

สีป้อในวันนี้ถึงแม้จะเจอเรื่องที่ขัดหูขัดตาไปบ้างเมื่อตอนมาถึง ซึ่งเราจะถือว่าเป็นความซวยหรือเรื่องของเวรกรรม ส่วนในเรื่องของการเดินทางที่จะสร้างความทรงจำ ที่มีความพิเศษประทับใจ สีป้อก็มีศักยภาพมากมายได้ไม่แพ้เมืองอื่นใดด้วยเช่นกัน พรุ่งนี้เราจะต้องเดินทางไปมัณฑะเลย์และกลับกรุงเทพแล้ว เหมือนเช่นเคยเมื่อใกล้จะจบทริปพม่าทุกครั้ง เราก็มักจะมองหาเส้นทางท่องเที่ยวที่เรายังไม่ได้ไปในประเทศนี้อีกในทันที เรียกได้ว่าคิดถึงทั้งๆที่ยังไม่ได้จากมากันเลยทีเดียว ^^

Eissa Paya แถว Little Bagan
แม่น้ำดุทาวดี ในตอนเย็น
ป้ายในวัดที่กำลังจะจัดงานอะไรกันซักอย่าง
แม่น้ำดุทาวดี ฝั่งใกล้ตลาด
วัดมหานันนันดาคันธา ที่มีอาคารไม้สักเก่าแก่
พระพุทธรูปอายุ 150 ปีทำจากไม้ไผ่
สะพานข้ามคลองแถวในเมืองมีมากมาย
สะพานข้ามมาวัด Mandahya

 

REMINDING YOU

การเดินทางเมืองสีป้อ

เดินทางโดยรถไฟจากเมืองมัณฑะเลย์ – สีป้อ ราคา3950 Kyat รถเที่ยวตีสี่ ใช้เวลา 13 ชั่วโมงให้เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายหากอยากเห็นสะพานก๊อกเต๊กตอนที่เลี้ยวอยู่บนสะพาน

ขากลับเราเดินทางโดยรถแชร์แท็กซี่ ราคา 19000 Kyat ใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง

 

 

 

แชร์กันเลย...
Share on Facebook
Facebook
Tweet about this on Twitter
Twitter
Email this to someone
email
Pin on Pinterest
Pinterest

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *